คณะรัฐบาลของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นมีมติให้มีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ในวันที่ 29 มี.ค. นี้ โดยกฎหมายฉบับใหม่นี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายความมั่นคงครั้งใหญ่นับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
กฎหมายความมั่นคงฉบับดังกล่าวได้เริ่มต้นขึ้นจากการตัดสินใจของคณะรัฐบาลเมื่อเดือนก.ค. 2557 โดยมีมติให้ญี่ปุ่นมีสิทธิในการรวมพลเพื่อป้องกันประเทศภายใต้สถานการณ์ตึงเครียด ยกตัวอย่างเช่น การรวมพลเพื่อการอยู่รอดของชาติภายใต้ภัยคุกคาม
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลที่รับช่วงอำนาจบริหารต่อได้ตีความรัฐธรรมนูญว่า ญี่ปุ่นมีสิทธิในการรวมพลเพื่อป้องกันประเทศ หรือมีสิทธิในการได้รับความช่วยเหลือโดยอาศัยการโจมตีโดยใช้อาวุธจากสหรัฐและประเทศพันธมิตรอื่น ๆ แม้ว่าญี่ปุ่นจะไม่โดนโจมตีก็ตาม แต่ไม่สามารถทำการซ้อมรบเองได้
กฎหมายดังกล่าว ซึ่งได้รับการอนุมัติโดยสภาไดเอทเมื่อเดือนก.ย. ที่ผ่านมา รวมไปถึงการขยายการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ให้แก่กองทัพสหรัฐและประเทศพันธมิตรอื่น ๆ อีกทั้งยังมีการเพิ่มการสนับสนุนการเข้าร่วมภารกิจรักษาสันติภาพระหว่างประเทศ
นายโยชิฮิเดะ ซูกะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า นายอาเบะได้กล่าว ณ ที่ประชุมคณะรัฐบาลในวันนี้ว่า "ด้วยการประกาศบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ญี่ปุ่นจะมีการป้องกันที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถมีส่วนร่วมในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและประชาคมนานาชาติได้มากยิ่งขึ้น"
นายซูกะได้ระบุด้วยว่า นายอาเบะได้กล่าวว่า "การประกาศบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวมีความสำคัญในระดับประวัติศาสตร์" สำนักข่าวเกียวโดรายงาน