ผลสำรวจความคิดเห็นซึ่งจัดทำโดยนิวส์คอร์ป ระบุว่า คะแนนนิยมของนายมัลคอม เทิร์นบูล นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ปรับตัวลดลงในหมู่ประชาชนสูงอายุและประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งในทั้ง 8 รัฐของประเทศ หลังจากเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ผลสำรวจล่าสุดนี้ แสดงให้เห็นว่า พรรคแรงงานซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของออสเตรเลีย ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนนทุกรัฐเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่วันเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา แต่นายกรัฐมนตรีเทิร์นบูลมีคะแนนนิยมน้อยที่สุดในรัฐนิวเซาท์เวลส์ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตัวเขาเอง
จากการสำรวจความคิดเห็นของชาวออสเตรเลีย 5,000 คน ในช่วงเดือน ส.ค. และ ก.ย. พบว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่อาศัยอยู่นอกเมืองหลวงของออสเตรเลียส่วนใหญ่ ไม่พอใจผลงานของนายเทิร์นบูล
โดยคะแนนนิยมของพรรครัฐบาลในพื้นที่ชนบทลดลงจากเดิมที่ทิ้งห่างพรรคแรงงาน 14% เหลือเพียงแค่ 4 จุด ในช่วงเวลา 12 สัปดาห์หลังการเลือกตั้ง และรัฐบาลมีคะแนนนิยม 40% ขณะที่พรรคฝ่ายค้านมีคะแนนนิยม 36%
ในขณะเดียวกัน ประชาชนที่มีอายุมากกว่า 50 ปี มีความรู้สึกเบื่อหน่ายรัฐบาลของนายเทิร์นบูล โดยคะแนนนิยมของคนกลุ่มนี้ที่มีต่อรัฐบาลลดลงจาก 50% เลือกเพียง 46% แต่มีคะแนนนิยมต่อพรรคแรงงานเพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 33%
ทั้งนี้ โพลล่าสุดที่เพิ่งเปิดเผยออกมานี้ทำให้สัปดาห์นี้กลายเป็นสัปดาห์ที่เลวร้ายสำหรับรัฐบาล เพราะแสดงให้เห็นว่าประชาชนไม่เห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาลที่จะกำหนดให้การแต่งงานของเพศเดียวกันเป็นเรื่องถูกกฎหมาย สำนักข่าวซินหัวรายงาน