นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น และ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ จะพบปะหารือกันที่กรุงวอชิงตัน ในวันที่ 10 ก.พ.นี้ พร้อมเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในระหว่างการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ในวันเสาร์ที่ผ่านมา
นายอาเบะเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวหลังการสนทนาทางโทรศัพท์ว่า ตนและนายทรัมป์ได้ยืนยันถึงความสำคัญของการเป็นพันธมิตรระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐ ท่ามกลางความท้าทายต่างๆในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง
ด้านทำเนียบข่าวระบุว่า ปธน.ทรัมป์ยืนยันคำมั่นของสหรัฐที่มีต่อการรักษาความมั่นคงของญี่ปุ่น
การพบกันที่กรุงวอชิงตันในวันที่ 10 ก.พ. จะเป็นการพบกันครั้งแรกระหว่างผู้นำญี่ปุ่นและสหรัฐ นับตั้งแต่ที่นายทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี โดยก่อนหน้านี้ ผู้นำทั้งสองเคยพูดคุยกันเป็นระยะเวลาสั้นๆ อย่างไม่เป็นทางการที่นิวยอร์กในเดือนพ.ย. หลังนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง
"ผมต้องการให้เราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงในการพบกันของเรา" อาเบะกล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังพูดคุยทางโทรศัพท์กับทรัมป์เป็นเวลา 42 นาที
เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นรายหนึ่งเปิดเผยว่า นายอาเบะได้กล่าวกับนายทรัมป์ว่า ตนหวังว่าสหรัฐจะเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นภายใต้การเป็นนำของนายทรัมป์ พร้อมทั้งกล่าวด้วยว่า ญี่ปุ่นต้องการแสดงบทบาทในฐานะพันธมิตรของสหรัฐได้อย่างประสบความสำเร็จ ด้านนายทรัมป์กล่าวกับนายอาเบะว่า สหรัฐเห็นว่าญี่ปุ่นเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่ง และให้ความสำคัญอย่างสูงกับความเป็นพันธมิตรระหว่างสองประเทศ
ขณะที่ทำเนียบขาวเผยว่า ผู้นำทั้งสองยังได้ให้คำมั่นที่จะกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุน
โดยในระหว่างการสนทนากันทางโทรศัพท์ นายอาเบะได้อธิบายกับนายทรัมป์ถึงการสนับสนุนและการมีส่วนร่วมของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่แหล่งข่าวจากรัฐบาลอีกรายหนึ่งเผยว่า ทรัมป์ได้ขอให้อาเบะกระตุ้นบริษัทญี่ปุ่นให้สร้างงานในสหรัฐมากขึ้น
นอกจากนี้ ผู้นำญี่ปุ่นและสหรัฐยังได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงในเอเชียตะวันออก รวมถึงการที่นายเจมส์ แมททิส รมว.กลาโหมสหรัฐจะเดินทางเยือนญี่ปุ่นในวันที่ 3-4 ก.พ. เพื่อพบปะหารือกับนายโทโมมิ อินาดะ รมว.กลาโหมญี่ปุ่น
ทำเนียบขาวเผยว่า ทรัมป์และอาเบะจะปรึกษาหารือและร่วมมือกันในประเด็นภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน