สื่อสหรัฐรายงานว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ เตรียมบังคับใช้มาตรการคัดกรองการออกวีซ่าให้กับชาวต่างชาติอย่างเข้มงวดเป็นการถาวร ซึ่งรวมถึงการให้ตอบแบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าที่ประกอบด้วยคำถามการใช้โซเชียลมีเดีย ประวัติส่วนตัวที่ละเอียดขึ้น รวมถึงข้อมูลประวัติการเดินทางของผู้ขอวีซ่า
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้นำแบบสอบถามดังกล่าวมาใช้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคุมเข้มเพื่อคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าสหรัฐ โดยผู้ยื่นคำร้องขอวีซ่าจะต้องกรอกหมายเลขหนังสือเดินทางทุกเล่มที่เคยถือ รวมถึงข้อมูลการใช้โซเชียลมีเดีย เบอร์โทรศัพท์ และประวัติส่วนตัวย้อนหลัง 15 ปี ซึ่งรวมถึงข้อมูลการเดินทาง ที่อยู่ และประวัติการทำงานที่ละเอียดด้วย
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมานั้น ทางกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าได้ใช้แบบฟอร์มดังกล่าวแล้วกี่ครั้ง หรือประชาชนสัญชาติใดบ้างที่ต้องกรอกแบบสอบถามนี้ เพียงแต่บอกตัวเลขประมาณการว่า ในแต่ละปีมีผู้ที่ขอวีซ่าที่เข้าข่ายเป็นบุคคลอันตรายประมาณ 65,000 คน ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องใช้มาตรการคัดกรองเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ ในหนังสือประกาศระบุว่า คำถามเหล่านั้นมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันผู้ก่อการร้าย ผู้ที่เป็นภัยต่อความมั่นคง รวมถึงผู้ที่ขาดคุณสมบัติในการขอวีซ่าด้วยเหตุผลอื่นๆ แต่มาตรการดังกล่าวกลับถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างว่า ถึงแม้จะให้ผู้ขอวีซ่ากรอกข้อมูลตามความสมัครใจ ทว่าในเอกสารกลับมีการกำกับข้อความเตือนว่า หากผู้ยื่นคำร้องไม่ให้ข้อมูลที่ครบถ้วนแล้ว ก็อาจส่งผลให้กระบวนการอนุมัติวีซ่าต้องล่าช้าออกไป
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยว่า เขาจะสนับสนุนให้ผ่านกฎหมายฉบับใหม่เพื่อลดจำนวนผู้อพยพผิดกฎหมายในสหรัฐลง 50% ภายใน 10 ปีข้างหน้านี้