ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้แถลงแผนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงแห่งชาติเป็นครั้งแรกในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวานนี้ โดยทรัมป์ระบุว่า จีนและรัสเซียเป็น "ประเทศมหาอำนาจที่พยายามยกสถานะตนเอง และเป็นคู่แข่งของสหรัฐ" อย่างไรก็ตาม สหรัฐจะพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับจีนและรัสเซียต่อไป
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ได้ตราหน้าเกาหลีเหนือและอิหร่านว่าเป็น "รัฐอันธพาล" ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของสหรัฐ เช่นเดียวกับกลุ่มก่อการร้าย
ปธน.ทรัมป์ ยังให้คำมั่นว่า สหรัฐจะรักษาสันติภาพด้วยแสนยานุภาพทางทหาร โดยการสร้างกองทัพสหรัฐให้กลับมาเกรียงไกรอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังมุ่งปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติจากประเทศคู่แข่งที่ผงาดขึ้นมาท้าทายสหรัฐ โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจอย่างจีนและรัสเซียที่พยายามยกระดับสถานภาพของตนบนเวทีโลกให้ขึ้นมาเทียบเคียงกับสหรัฐ
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเรียกร้องให้ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และอินเดีย ร่วมมือกับสหรัฐต่อไป เพื่อสร้างหลักประกันว่า น่านน้ำภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกจะเป็นน่านน้ำเปิดและสามารถเดินเรือได้อย่างเสรี เพื่อคานอำนาจกับจีนที่พยายามแผ่อิทธิพลทางทหารในบริเวณนี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เอกสารแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงของสหรัฐความยาว 55 หน้ากระดาษฉบับนี้ มีเนื้อหาที่ให้ความสำคัญกับนโยบาย 4 ด้าน ได้แก่ การปกป้องมาตุภูมิ การส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองของขาวอเมริกัน การรักษาสันติภาพโดยอาศัยความเข้มแข็งทางทหาร และการแผ่ขยายอิทธิพลของสหรัฐบนเวทีโลก ซึ่งถือเป็นด้านกลับของนโยบายของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ให้ความสำคัญกับการเจรจาทางการทูตเป็นหลัก
เอกสารระบุว่า "จีนและรัสเซียกำลังท้าทายอำนาจ อิทธิพล และผลประโยชน์ของสหรัฐ อีกทั้งพยายามบั่นทอนความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของสหรัฐ พวกเขาตั้งใจทำให้เศรษฐกิจมีเสรีภาพและความยุติธรรมน้อยลง และต้องการขยายแสนยานุภาพกองทัพ รวมถึงพยายามควบคุมข้อมูลข่าวสารเพื่อปิดกั้นประชาชนอีกด้วย"
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเรียกร้องความสัมพันธ์ทางการค้าที่ "ยุติธรรมและต่างตอบแทน" กับประเทศต่างๆทั่วโลก และต้องการลดการขาดดุลการค้ากับประเทศคู่ค้ารายใหญ่อย่างจีนและญี่ปุ่นด้วย