กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรนิติบุคคลอิหร่านรวม 5 แห่งที่เกี่ยวข้องกับโครงการขีปนาวุธของอิหร่าน โดยพุ่งเป้าไปที่ "ระบบอาวุธที่ทำลายเสถียรภาพ" ของอิหร่านเป็นสำคัญ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้จะห้ามพลเมืองสหรัฐทำธุรกรรมกับองค์กรเหล่านี้ ส่วนสถาบันการเงินต่างประเทศที่จงใจอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรม หรือผู้ที่จัดหาวัตถุดิบหรือการสนับสนุนอื่นๆแก่นิติบุคคลเหล่านี้ จะเสี่ยงต่อการถูกคว่ำบาตร ซึ่งผลก็คือจะไม่สามารถเข้าถึงระบบการเงินสหรัฐ หรือถูกบล็อกบัญชีทรัพย์สิน รวมทั้งดอกเบี้ยภายใต้ขอบเขตอำนาจศาลของสหรัฐ
นอกจากนี้นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีสหรัฐยังยืนยันว่า สหรัฐจะเดินหน้าผลักดัน "มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มเติม" ต่อไป
มาตรการของสหรัฐมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ทวีตข้อความในวันพุธที่ผ่านมาว่า สหรัฐจะให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงรัฐบาลอิหร่าน ในเวลาที่เหมาะสม
"เราเคารพชาวอิหร่านที่พยายามโค่นล้มรัฐบาลที่ฉ้อฉล และคุณจะเห็นการสนับสนุนครั้งใหญ่จากสหรัฐในเวลาที่เหมาะสม" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ชาวอิหร่านได้รวมตัวกันชุมนุมในเมืองมัชฮัดในวันพฤหัสบดีที่แล้ว เพื่อประท้วงรัฐบาลที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน แต่การชุมนุมได้ขยายวงกว้างไปอีกหลายเมืองทั่วประเทศ ท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชนต่อการทุจริตของเจ้าหน้าที่, เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น และนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล
ด้านนายโกลามาลิ โคชรู เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติ วิจารณ์รัฐบาลสหรัฐว่าแทรกแซงกิจการภายในประเทศของอิหร่าน
"คณะบริหารชุดปัจจุบันของสหรัฐล้ำเส้นในทุกเรื่อง ละเมิดกฎเกณฑ์และหลักการของกฎหมายระหว่างประเทศซึ่งวางกรอบจรรยาบรรณความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไว้อย่างมีอารยะ" จดหมายของนายโคชรูถึงนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ระบุ