นายทาโร อาโสะ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังญี่ปุ่น ได้ออกมาให้คำมั่นเรื่องการสอบสวนสาเหตุเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในเอกสารที่ดินของรัฐ ซึ่งขายให้กับโรงเรียนแห่งหนึ่งในราคาต่ำกว่าราคาประเมิน ขณะที่พรรคฝ่ายค้านไม่รู้สึกคล้อยตามไปด้วยและยังคงเดินหน้าวิจารณ์รัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลังญี่ปุ่นได้ออกมายอมรับว่า ทางกระทรวงพบเอกสารถูกปลอมแปลงทั้งสิ้น 14 ฉบับ จากนั้นอีกหนึ่งวัน นายอาโสะก็ได้ออกมาย้ำว่าตนจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่สมาชิกคณะรัฐมนตรีรายอื่นๆได้ออกมาเปิดเผยว่า เหตุอื้อฉาวดังกล่าวจะบั่นทอนความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อรัฐบาล แต่ก็ไม่ได้ระบุว่านายอาโสะต้องรับผิดชอบหรือไม่
นายอาโสะ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า "ขณะที่เราเดินหน้าสอบสวนกรณีดังกล่าวเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก การกอบกู้ความเชื่อมั่นเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง"
เขากล่าวว่า "หน้าที่ของผมในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง คือการหาสาเหตุเบื้องหลังเหตุการณ์นี้ และป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต"
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า กรณีการปลอมแปลงเอกสารนี้ได้จุดประเด็นอื้อฉาวขึ้นสู่สาธารณะอีกครั้ง เหตุการณ์ดังกล่าวยังคงวนเวียนไม่ห่างจากรัฐบาลญี่ปุ่น และได้เข้ามาบั่นทอนเสียงสนับสนุนจากประชาชนนับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายโมริโตโม กาคุเอ็น เจ้าของโรงเรียนเอกชนซึ่งมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนางอากิเอะ อาเบะ ภรรยาของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ซื้อที่ดินขนาด 8,770 ตารางเมตร ในเมืองโตโยนากะ จังหวัดโอซาก้า ในราคา 134 ล้านเยน (1.18 ล้านดอลลาร์) ซึ่งคิดเป็นมูลค่าเพียง 14% ของราคาประเมินที่ดินแปลงดังกล่าว
ที่ดินผืนนี้ได้ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับสร้างโรงเรียนประถมแห่งใหม่ โดยมีนางอาเบะเป็นครูใหญ่กิตติมศักดิ์ ซึ่งเบื้องต้นได้มีการเซ็นสัญญาเช่ากับรัฐบาลไว้เป็นเวลา 10 ปี และให้คำมั่นว่าจะซื้อที่ดินหลังจากหมดระยะเวลาเช่าใน 10 ปีข้างหน้านี้ ในเวลาต่อมา นางอาเบะได้ลาออกจากตำแหน่งครูใหญ่กิตติมศักดิ์เมื่อเดือนก.พ.ปีที่แล้ว หลังจากประเด็นดังกล่าวได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง