คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) แถลงในวันนี้ว่า ถ้าหากรัฐสภาอังกฤษไม่ได้ให้การอนุมัติข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ภายในสัปดาห์นี้ กำหนดเวลา Brexit ก็จะถูกขยายไปจนถึงวันที่ 12 เม.ย.เท่านั้น
"ถ้าหากข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษไม่ได้รับการอนุมัติภายในสัปดาห์นี้ มาตรา 50 ก็จะถูกขยายเวลาออกไปจนถึงวันที่ 12 เม.ย.เท่านั้น และขณะนี้ก็เป็นเวลาสำหรับรัฐบาลอังกฤษที่จะต้องแจ้ง EU เกี่ยวกับการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป" นางมาร์การิทิส ชินาส โฆษก EC กล่าว
ทั้งนี้ EU ได้ตกลงที่จะขยายเวลาการบังคับใช้มาตรา 50 ไปจนถึงวันที่ 22 พ.ค. หากรัฐสภาอังกฤษลงมติอนุมัติข้อตกลง Brexit ในสัปดาห์นี้ แต่หากข้อตกลง Brexit ไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอังกฤษ EU ก็จะขยายเวลาการบังคับใช้มาตรา 50 ออกไปเป็นวันที่ 12 เม.ย.เท่านั้น
ทางด้านนางแอนเดรีย ลีดซัม ผู้นำสภาสามัญชนของอังกฤษ กล่าวว่า รัฐสภาอังกฤษจะทำการอภิปรายญัตติที่เกี่ยวข้องกับ Brexit ในวันพรุ่งนี้
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีความชัดเจนที่ว่า การอภิปรายดังกล่าวจะส่งผลให้มีการลงมติเป็นครั้งที่ 3 ต่อข้อตกลง Brexit ของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ หรือไม่
"ญัตติที่จะมีการพิจารณาในวันพรุ่งนี้ จะต้องสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของประธานรัฐสภา โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงมีการหารือกัน และจะมีการบรรจุญัตติเข้าสู่วาระการประชุมโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" นางลีดซัมกล่าว
ทางด้านนายจอห์น เบอร์คาว ประธานรัฐสภาอังกฤษ ออกโรงเตือนนางเมย์ในสัปดาห์ที่แล้วว่า รัฐบาลจะสามารถนำข้อตกลง Brexit เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาได้อีกครั้ง ก็ต่อเมื่อข้อตกลงดังกล่าวมีเนื้อหาที่แตกต่างอย่างมากจาก 2 ฉบับแรกที่รัฐสภาเคยพิจารณาลงมติมาแล้ว โดยเขาได้อ้างถึงคำวินิจฉัยจากรัฐสภาอังกฤษในปี 1604 ซึ่งระบุว่าญัตติที่เคยถูกส่งเข้าพิจารณาในสภา และประสบความพ่ายแพ้ จะไม่สามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาได้อีกในการประชุมสภาสมัยเดียวกัน
ทั้งนี้ รัฐสภาได้ลงมติด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย 432 ต่อ 202 เสียงในเดือนม.ค. คว่ำร่างข้อตกลง Brexit ก่อนที่จะลงมติอีกครั้งเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ด้วยคะแนนเสียง 391-242 เสียงคว่ำข้อตกลง Brexit เป็นครั้งที่ 2 แม้ว่าได้รับการแก้ไขจากนางเมย์ หลังมีการหารือกับผู้นำสหภาพยุโรป