UN เผยชาวเมียนมา 2.3 แสนรายต้องพลัดถิ่นจากเหตุสู้รบในประเทศ

ข่าวต่างประเทศ Friday June 25, 2021 11:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สหประชาชาติ (UN) เปิดเผยว่า ประชาชนในเมียนมาประมาณ 230,000 คนต้องพลัดถิ่นจากเหตุสู้รบในเมียนมาและต้องการความช่วยเหลือ ขณะที่กลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธกลุ่มใหญ่แสดงความกังวลเกี่ยวกับกำลังทหาร, การเสียชีวิตของพลเรือน และความขัดแย้งที่ขยายวงกว้างขึ้น

เมียนมาอยู่ในภาวะวิกฤตินับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. ที่เกิดการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ทำให้เกิดความโกรธแค้นไปทั่วประเทศและนำไปสู่การประท้วง, การเข่นฆ่าและการวางระเบิด รวมถึงการสู้รบในหลายพื้นที่ระหว่างกองทัพและกองกำลังพลเรือนที่ตั้งขึ้นใหม่

สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) เปิดเผยว่า ปฏิบัติการช่วยเหลือยังคงดำเนินอยู่ แต่ถูกขัดขวางจากการปะทะกันของกองกำลังติดอาวุธ, ความรุนแรง และความไม่มั่นคงในเมียนมา

รายงานระบุว่า ประชาชน 177,000 รายในรัฐกะเหรี่ยงที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทยนั้นต้องพลัดถิ่นฐาน โดยเฉพาะในเดือนที่แล้วจำนวน 103,000 ราย ขณะที่อีกกว่า 20,000 รายต้องอยู่ในค่ายอพยพ 100 แห่ง หลังการสู้รบระหว่างกองกำลังป้องกันตนเองกับกองทัพเมียนมาในรัฐชินที่ติดกับอินเดีย

ประชาชนหลายพันคนต้องหลบหนีการสู้รบในรัฐคะฉิ่นและฉาน ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีกองกำลังชนกลุ่มน้อยที่มีความขัดแย้งกับกองทัพมาอย่างยาวนาน

สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) หนึ่งในชนกลุ่มน้อยที่เก่าแก่ที่สุดของเมียนมาได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงเกินเหตุของกองทัพ และการสูญเสียชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ขณะที่การสู้รบรุนแรงขึ้นทั่วประเทศ

แถลงการณ์ระบุว่า KNU จะยังคงต่อสู้กับเผด็จการทหารต่อไป และจะให้การคุ้มครองมากเท่าที่จะเป็นไปได้แก่ประชาชนและพลเรือนที่ปราศจากอาวุธ"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ