สามนักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกงถูกตัดสินจำคุกสูงสุด 6 ปี ข้อหาคบคิดวางระเบิดก่อการร้าย

ข่าวต่างประเทศ Thursday December 28, 2023 15:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันนี้ (28 ธ.ค.) ว่านักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกงสามคน ได้แก่ เหอ ยฺวี่วั่ง (Ho Yu-wang) วัย 20 ปี, กัว เวิ่นซี (Kwok Man-hei) วัย 21 ปี และจาง ห้าวหยาง (Cheung Ho-yeung) วัย 23 ปี ถูกตัดสินจำคุกข้อหา "สมรู้ร่วมคิดก่อการร้าย" ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ หลังมีส่วนร่วมในแผนวางระเบิดอาคารศาลและโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะอื่น ๆ เมื่อปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง

เหอและจางได้รับโทษจำคุก 6 ปี ขณะที่กัวถูกตัดสินจำคุก 30 เดือน

เหอ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแผนดังกล่าว รับสารภาพในข้อหาก่อการร้าย ขณะที่จางและกัวรับสารภาพในข้อหาสมคบคิด "ก่อให้เกิดการระเบิดที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต หรือทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อทรัพย์สิน"

ด้านนายอเล็กซ์ ลี ผู้พิพากษาศาลสูงกล่าวว่า "บรรยากาศทางสังคมที่ไม่เป็นมิตร" ระหว่างการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยของฮ่องกงอาจ "บดบังดุลยพินิจทางศีลธรรมของคน ๆ หนึ่งได้อย่างง่ายดาย... (และ) อาจเปลี่ยนคนดี ๆ คนหนึ่งให้กลายเป็นพวกหัวรุนแรงได้"

จำเลยทั้งสามถูกกล่าวหาว่าวางแผนทำระเบิดแสวงเครื่อง แล้วตั้งใจวางระเบิดในที่สาธารณะ รวมถึงสถานที่ราชการ, อุโมงค์ข้ามท่าเรือ, ป้อมตำรวจ, ทางรถไฟ และอาคารศาลระหว่างวันที่ 1 เม.ย. ถึง 5 ก.ค. 2564 แต่จำเลยถูกจับกุมก่อนจะได้ทำหรือใช้ระเบิดดังกล่าว

อีก 4 คนที่เกี่ยวข้องกับแผนระเบิดดังกล่าวถูกตัดสินจำคุกเมื่อเดือนพ.ค. โดยจำเลยวัย 21 ปีคนหนึ่งรับโทษจำคุกเป็นเวลา 5 ปี 8 เดือน ฐานเช่าแฟลตเพื่อการปฏิบัติการ ส่วนอีก 3 คนที่เหลือ อายุ 17-20 ปี ถูกส่งไปยังศูนย์ฝึกอบรม

อนึ่ง คดีดังกล่าวเป็นผลมาจากกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่จีนแผ่นดินใหญ่บังคับใช้กับฮ่องกงเมื่อปี 2563 หลังจากการประท้วงครั้งใหญ่ในปี 2562 โดยกฎหมายดังกล่าวมุ่งลงโทษการแบ่งแยกดินแดน การบ่อนทำลาย การก่อการร้าย และการสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังต่างชาติ โดยมีโทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต

นับตั้งแต่มีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ มีผู้ถูกจับกุมไปแล้วมากกว่า 280 คน รวมถึงนักการเมืองฝ่ายค้าน, นักเคลื่อนไหว, นักกฎหมาย และนักข่าว

ขณะที่รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่กล่าวว่ากฎหมายความมั่นคงนี้ได้ฟื้นฟูเสถียรภาพให้กับฮ่องกง แต่รัฐบาลต่างประเทศ รวมถึงสหรัฐมองว่ากฎหมายดังกล่าวถูกใช้เป็นเครื่องมือปราบปรามผู้เห็นต่าง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ