กลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ได้ออกมาอ้างว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ลอบวางระเบิดใกล้กับสุสานของนายพลกาเซม โซเลมานี อดีตผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ (Quds Force) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน (IRGC) เมื่อวันพุธ (3 ม.ค.) โดยเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และทำให้สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยนายพลโซเลมานีถูกสหรัฐใช้โดรนลอบสังหารเมื่อปี 2563
กลุ่ม IS ออกแถลงการณ์ผ่านทางเทเลแกรมว่า IS คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ลอบวางระเบิด 2 ครั้งใกล้กับสุสานของนายพลโซเลมานี ขณะที่อิหร่านระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 84 รายและบาดเจ็บ 220 ราย โดยตัวเลขผู้เสียชีวิตถูกปรับลดลงจากการประมาณการก่อนหน้านี้
อิหร่านระบุว่า เหตุลอบวางระเบิดครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะโจมตีอิหร่านซึ่งมีจุดยืนสนับสนุนการต่อต้านอิสราเอลที่ใช้กำลังทหารในฉนวนกาซา แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าวว่า สหรัฐได้รับสัญญาณบ่งชี้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นฝีมือของกลุ่ม IS พร้อมกับกล่าวว่าไม่มีเหตุผลที่จะตั้งข้อสงสัยว่าอิสราเอลมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางระเบิดในอิหร่าน
ทั้งนี้ IS ซึ่งเป็นกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงนิกายสุหนี่ มีอุดมการณ์ต่อต้านอิหร่านซึ่งเป็นประเทศที่ชาวมุสลิมส่วนใหญ่นับถือนิกายชีอะห์ โดยกลุ่ม IS มองว่าชีอะห์เป็นนิกายนอกรีต
เหตุการณ์โจมตีด้วยระเบิดใกล้กับสุสานของนายพลโซเลมานีเกิดขึ้นเพียงวันเดียว หลังจากอิสราเอลถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารนายซาเลห์ อัล-อารูรี ผู้นำอาวุโสของกลุ่มฮามาสที่ในเมืองเบรุตของเลบานอน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เหตุการณ์โจมตีเหล่านี้ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงมากขึ้นนับตั้งแต่อิสราเอลเปิดฉากทำสงครามกับกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 โดยนับตั้งแต่เกิดความขัดแย้งดังกล่าว กลุ่มกบฏฮูตีซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในเยเมนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านได้ใช้ขีปนาวุธและโดรนโจมตีเรือสินค้าหลายลำในทะเลแดง ขณะที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้ยิงขีปนาวุธจากฐานที่มั่นในเลบานอนเพื่อโจมตีอิสราเอล