นายอเล็กซานเดอร์ สตับบ์ ได้ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฟินแลนด์เมื่อวานนี้ (11 ก.พ.) โดยแคมเปญหาเสียงของเขาชูนโยบายว่าฟินแลนด์จะใช้ประโยชน์สูงสุดจากการเป็นสมาชิกใหม่ขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) และจะสนับสนุนยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย
ในฐานะประธานาธิบดีนั้น นายสตับบ์คือประมุขแห่งรัฐและมีอำนาจบริหารร่วมกับคณะรัฐมนตรี โดยหน้าที่หลักของเขาคือการตัดสินใจด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของชาติ และเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพ รวมถึงเป็นตัวแทนประเทศในการประชุมของนาโต
"สิ่งที่สำคัญมากสำหรับเราในยุโรปคือการต้องจัดการกับการป้องกันประเทศของเราเอง" นายสตับบ์ กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง พร้อมเสริมว่าเขามีความเห็นพ้องกับนายเซาลี นินิสโต ประธานาธิบดีคนก่อนหน้า ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ยุโรปจะต้องมีบทบาทในนาโตมากขึ้น
ทั้งนี้ ในระหว่างการหาเสียง สตับบ์กล่าวว่าฟินแลนด์ควรเป็นสมาชิกที่มีส่วนร่วมของนาโต และเสนอให้นาโตส่งกองทหารบางส่วนมาประจำการในฟินแลนด์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บทบาทหน้าที่ใหม่ในฐานะประธานาธิบดีของนายสตับบ์ วัย 55 ปี คือการหวนคืนกลับสู่วงการการเมืองในประเทศอีกครั้ง หลังจากที่ทำงานในต่างแดนมาเป็นเวลาหลายปี โดยเขาเคยดำรงตำแหน่งรองประธานธนาคารเพื่อการลงทุนของยุโรป (European Investment Bank หรือ EIB) และผู้อำนวยการสถาบันมหาวิทยาลัยยุโรปในเมืองฟลอเรนซ์ของอิตาลี
พันธมิตรของนายสตับบ์กล่าวว่าเขาเป็นคนที่สามารถพูดได้หลายภาษา สนับสนุนการรวมตัวที่แน่นแฟ้นของยุโรป และมีมุมมองทางการเงินแบบอนุรักษ์นิยม ส่วนตัวนายสตับบ์เองนั้นมองว่าตัวเขาเป็นพวกนิยมทางสายกลาง
นายสตับบ์กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เขามองว่าตนเองเป็น "ประธานาธิบดีชาติตะวันตกในหลาย ๆ ด้าน" โดยเขาจะกำหนดทิศทางนโยบายต่างประเทศโดยที่สอดคล้องไปกับสหรัฐ อังกฤษ และประเทศเพื่อนบ้านในแถบนอร์ดิก นอกจากนี้แล้ว ฟินแลนด์จะให้การสนับสนุนยูเครนอย่างเต็มที่แบบไม่จำกัดด้วย
"จุดเริ่มต้นของผมคือการจัดการความท้าทายที่อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะต้องใช้อะไรก็ตาม" นายสตับบ์ กล่าว ซึ่งคำว่า "ไม่ว่าจะต้องใช้อะไรก็ตาม" (whatever it takes) เป็นการยกคำพูดของนายมาริโอ ดรากี อดีตประธานธนาคารกลางยุโรป มากล่าวย้ำอีกครั้ง