สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหรัฐเคยออกมาเตือนรัสเซียแล้วว่า กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) มีแผนก่อเหตุโจมตีรัสเซีย ก่อนเกิดเหตุกราดยิงงานคอนเสิร์ต แต่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กลับปฏิเสธข้อมูลที่ได้รับ และมองว่าเป็นการพยายามยั่วยุของสหรัฐ
รายงานระบุว่า ผู้ก่อการร้ายเปิดฉากกราดยิงงานคอนเสิร์ตที่โครคัส ซิตี ฮอลล์ในย่านชานกรุงมอสโกเมื่อคืนวันศุกร์ (22 มี.ค.) ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 133 ราย และนับเป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้ายที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
ทั้งนี้ กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบกับการโจมตีดังกล่าวผ่านทางสำนักข่าวในเครือของกลุ่มไอเอสแล้ว
หน่วยข่าวกรองรัสเซียไม่เพียงแต่ล้มเหลวในการป้องกันเหตุโจมตีเท่านั้น แต่ยังล้มเหลวในการฟังคำเตือนจากสหรัฐว่ากลุ่มก่อการร้ายกำลังวางแผนโจมตีกรุงมอสโก
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา สถานทูตสหรัฐในรัสเซียเปิดเผยว่า กำลังเฝ้าติดตามรายงานกลุ่มหัวรุนแรงวางแผนมุ่งเป้าโจมตีการชุมนุมขนาดใหญ่ในกรุงมอสโก ซึ่งรวมถึงคอนเสิร์ต และเตือนพลเมืองสหรัฐให้หลีกเลี่ยงสถานที่ดังกล่าว
ขณะเดียวกัน เอเดรียน วัตสันโฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐระบุว่า รัฐบาลสหรัฐได้แบ่งปันข้อมูลดังกล่าวกับทางการรัสเซียตามนโยบาย "หน้าที่ในการเตือน (Duty to warn)" ที่มีมายาวนาน
อย่างไรก็ตาม ปธน.ปูตินกลับตำหนิคำเตือนของสหรัฐว่าเป็นการยั่วยุ โดยระบุว่า "การกระทำเหล่านี้คล้ายกับการแบล็กเมล และเป็นความตั้งใจที่จะข่มขู่และทำลายเสถียรภาพของสังคมของเรา"