เจาะลึกคำสั่ง "ทรัมป์" ปูทางหั่นราคายาครั้งใหญ่ในสหรัฐ

ข่าวต่างประเทศ Tuesday May 13, 2025 00:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารในวันนี้เพื่อทำการลดราคายาครั้งใหญ่ในสหรัฐ

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์จะใช้นโยบาย Most Favored Nation เพื่อลดราคายาในสหรัฐ ซึ่งในการโพสต์ข้อความใน Truth Social ปธน.ทรัมป์ระบุว่า เขาจะลดราคายาลง 59% หลังจากที่เมื่อวานนี้ ปธน.ทรัมป์เปิดเผยว่า เขาจะใช้นโยบายดังกล่าวเพื่อลดราคายาในสหรัฐลง 30-80% โดยมีผลในทันที เพื่อให้ชาวอเมริกันจ่ายเงินซื้อยาในราคาเท่ากับประเทศที่มีราคายาต่ำสุดในโลก

อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์กล่าวในการแถลงข่าววันนี้ว่า ราคายาอาจลดลงมากกว่านั้น โดยอาจลดลงมากถึง 90%

ข้อมูลจาก Rand Corporation ระบุว่า ยาในสหรัฐมีราคาแพงกว่ากลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วถึง 23 เท่า และบางครั้งอาจมากถึง 10 เท่า

"สิ่งที่เราทำคือการสร้างความเท่าเทียม โดยเราจะจ่ายราคายาในระดับต่ำสุดในโลก เราจะหาดูว่าประเทศใดจ่ายราคายาในระดับต่ำสุด ซึ่งนั่นเป็นราคาที่เราต้องการ"
"ประเทศอื่นก็ควรช่วยจ่ายเงินเพื่อการวิจัยและพัฒนาเหมือนกัน เพราะสุดท้าย สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับพวกเขาเอง" ปธน.ทรัมป์กล่าว

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวไม่ได้เปิดเผยว่าคำสั่งของปธน.ทรัมป์ในวันนี้จะมีผลบังคับใช้ต่อยาประเภทใด เพียงแต่ระบุว่า คำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้กว้างขวางกว่าที่ปธน.ทรัมป์เคยประกาศใช้ในการดำรงตำแหน่งสมัยแรก ซึ่งบังคับใช้แต่เพียงยาในโครงการ Medicare Part B

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กล่าวเสริมว่า รัฐบาลจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษต่อยาที่มีความเหลื่อมล้ำสูงสุดและมีค่าใช้จ่ายสูงสุด ซึ่งอาจรวมถึงยาลดน้ำหนักและยารักษาโรคเบาหวานที่ได้รับความนิยมที่เรียกว่า ยาในกลุ่ม GLP-1

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กล่าวว่า รัฐบาลจะใช้มาตรการดำเนินการต่อบริษัทยาซึ่งไม่เข้ามาเจรจาเพื่อลดราคายาให้แก่ชาวอเมริกัน

เจ้าหน้าที่ระบุว่า คำสั่งฝ่ายบริหารดังกล่าวจะทำให้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐและกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อนโยบายที่ไม่สมเหตุสมผลและเลือกปฏิบัติในต่างประเทศ ซึ่งทำให้ราคายาต่ำอย่างไม่เป็นธรรม

"เราจะดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าประเทศอื่นไม่ได้ทำการเจรจาอย่างไม่เป็นธรรมกับบริษัทยา" เจ้าหน้าที่กล่าว พร้อมเสริมว่า บริษัทยาหลายแห่งต่างตกอยู่ในสภาพถูกกดดัน เนื่องจากพวกเขาต้องเจรจาลดราคายากับรัฐบาล โดยหลายประเทศมีระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้จ่ายค่ารักษาแต่เพียงผู้เดียว ทำให้มีอำนาจสูงในการต่อรองราคายา

นอกจากนี้ คำสั่งของปธน.ทรัมป์ยังกำหนดให้กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์จัดทำช่องทางให้ผู้ป่วยชาวอเมริกันสามารถซื้อยาจากผู้ผลิตโดยตรงในราคาของ Most Favored Nation Price โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง

"เราจะตัดคนกลางออก และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถซื้อยาได้โดยตรงในราคาที่ดีที่สุดจากผู้ผลิต" ปธน.ทรัมป์กล่าว

ทั้งนี้ ภายในเวลา 30 วัน นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีสาธารณสุขฯ จะต้องกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการลดราคายาทั้งตลาดในสหรัฐ ซึ่งจะนำไปสู่การเจรจารอบใหม่ระหว่างทางกระทรวงฯ และอุตสาหกรรมยา และหากยังไม่มีความคืบหน้าเพียงพอในการบรรลุเป้าหมายเรื่องราคา นายเคนเนดี จูเนียร์จะดำเนินการใช้ราคาที่ดีที่สุดผ่านกระบวนการออกกฎระเบียบ

ขณะเดียวกัน คำสั่งของปธน.ทรัมป์ยังให้อำนาจสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) พิจารณาเพิ่มการนำเข้ายาจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว นอกเหนือจากแคนาดา หลังจากที่ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งบริหารปรับปรุงกระบวนการให้รัฐต่าง ๆ สามารถยื่นขอนำเข้ายาราคาถูกจากแคนาดา พร้อมทั้งออกมาตรการอื่น ๆ เพื่อกดดันราคายาในประเทศ

คำสั่งฝ่ายบริหารในวันนี้ยังกำหนดให้กระทรวงยุติธรรมและคณะกรรมการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) ใช้มาตรการเชิงรุกในการจัดการกับพฤติกรรมการผูกขาดที่ทำให้ยามีราคาแพงในสหรัฐ

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังสามารถพิจารณาใช้มาตรการจำกัดการส่งออกที่ช่วยให้ยาในต่างประเทศมีราคาลดต่ำลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ