ฌอน ดัฟฟี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้กำหนดราคาตั๋วเครื่องบินแบบเฉพาะบุคคล พร้อมประกาศจะดำเนินการสอบสวนทันทีหากพบว่ามีการใช้งานจริง
ดัฟฟีกล่าวว่า หากมีความพยายามตั้งราคาตั๋วตามรายได้หรือข้อมูลส่วนบุคคลของผู้โดยสาร รัฐบาลจะเข้าไปตรวจสอบอย่างแน่นอน และจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดหากมีบริษัทใดใช้ AI เพื่อกำหนดราคาตั๋วแบบรายบุคคล
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สายการบินเดลตาแอร์ไลน์ (Delta Air Lines) ได้แจ้งต่อสมาชิกรัฐสภาว่า บริษัทไม่เคยใช้ และจะไม่ใช้ AI กำหนดราคาตั๋วผู้โดยสารแต่ละราย โดยดัฟฟี่ระบุว่า "ผมยินดีรับคำชี้แจงของเดลต้าไว้ตามนั้น"
เดลต้ายังระบุเพิ่มเติมว่า สายการบินต่าง ๆ มีการใช้การกำหนดราคาแบบยืดหยุ่น (dynamic pricing) มานานกว่า 30 ปี โดยราคาจะผันแปรตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความต้องการของผู้โดยสาร ราคาน้ำมัน หรือการแข่งขันในตลาด ไม่ได้อิงกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าแต่ละรายแต่อย่างใด
รายงานระบุว่า กระแสความกังวลเริ่มต้นเมื่อช่วงปลายเดือนก.ค. หลังวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต 3 ราย ได้แก่ รูเบน กัลเลโก, มาร์ก วอร์เนอร์ และริชาร์ด บลูเมนธอล แสดงความเห็นว่า เดลต้าอาจนำ AI มาใช้กำหนดราคาตั๋วแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งอาจหมายถึงราคาที่เพิ่มขึ้นจนแตะระดับสูงสุดเท่าที่ผู้โดยสารคนยังพอรับไหว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เดลต้าเคยเปิดเผยว่า มีแผนร่วมมือกับเฟตเชอร์ (Fetcherr) บริษัทเทคโนโลยีด้านการตั้งราคา เพื่อเริ่มใช้งานเทคโนโลยีการบริหารรายได้ด้วย AI ครอบคลุมเส้นทางบินภายในประเทศ 20% ภายในสิ้นปี 2568
ข้อมูลจากเว็บไซต์ของเฟตเชอร์ระบุว่า เทคโนโลยีของบริษัทได้รับความไว้วางใจจากสายการบินชั้นนำหลายแห่ง รวมถึง สายการบินเดลต้า (Delta), เวสต์เจ็ท แอร์ไลน์ (WestJet), เวอร์จินแอตแลนติก (Virgin Atlantic), วีว่า (Viva) และอาซูล (Azul)
โรเบิร์ต ไอซัม ซีอีโอของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ (American Airlines) เคยออกมาเตือนว่า การใช้ AI ตั้งราคาตั๋วโดยอิงข้อมูลส่วนตัวของผู้บริโภค อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของลูกค้า
ทั้งนี้ สมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคเดโมแครตอย่าง เกร็ก คาซาร์ และราชิดา ตลาอิบ ก็ได้เสนอร่างกฎหมายห้ามธุรกิจนำ AI ไปใช้ตั้งราคาสินค้าหรือค่าจ้าง โดยอิงจากข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกัน รวมถึงห้ามไม่ให้สายการบินปรับขึ้นราคาตั๋วรายบุคคล หลังจากพบว่าผู้โดยสารค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับงานศพของครอบครัว