หลังจากที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงนับพันนายต่อสู้กับไฟป่าครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบเกือบ 8 ทศวรรษมาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดทางการท้องถิ่นฝรั่งเศสได้ยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดี (7 ส.ค.) ว่า สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว หลังจากไฟได้เผาผลาญพื้นที่ป่าและหมู่บ้านทางตอนใต้ของประเทศไปกว่า 100,000 ไร่ (16,000 เฮกตาร์) นับตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา (5 ส.ค.)
แถลงการณ์ระบุว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเกือบ 2,000 นายจะยังคงประจำการในพื้นที่ต่อไปอีกหลายวัน เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้ไฟปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
ไฟป่าครั้งประวัติศาสตร์นี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งอพยพ และมีผู้บาดเจ็บ 18 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงถึง 16 นาย นอกจากนี้ บ้านเรือนถูกทำลาย 36 หลัง และได้รับความเสียหายอีก 20 หลัง ส่งผลให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวราว 2,000 คนต้องอพยพออกจากพื้นที่
ในช่วงที่สถานการณ์วิกฤตที่สุด มีครัวเรือนราว 5,000 หลังไม่มีไฟฟ้าใช้ และจนถึงเย็นวันพฤหัสบดี ยังคงมีบ้านเรือนอีกประมาณ 1,500 หลังที่ยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้
อาแญ็ส ปานีเย-รูนาเช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม กล่าวว่านี่คือไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุดที่ฝรั่งเศสเคยเผชิญนับตั้งแต่ปี 2492 พร้อมระบุว่า "นี่คือไฟป่าที่เป็นผลพวงมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และจากภัยแล้งในภูมิภาคนี้" เธอกล่าวกับสถานีวิทยุ France Info
แม้ว่าการลุกลามของไฟจะชะลอตัวลงแล้ว แต่ผู้ว่าการจังหวัดคริสตีย็อง ปูแฌ ได้กล่าวย้ำว่า "การต่อสู้ยังไม่จบสิ้น ไฟอาจปะทุขึ้นมาอีกครั้งด้วยความรุนแรงยิ่งกว่าเดิม" ขณะเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยาของฝรั่งเศสได้ออกคำเตือนถึงคลื่นความร้อนระลอกใหม่ที่จะเริ่มต้นในวันศุกร์ (8 ส.ค.) ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์กลับมาน่าเป็นห่วงอีกครั้ง