คริสทีอัน บรึกค์เนอร์ ผู้ต้องสงสัยหลักในคดีดังระดับโลกเกี่ยวกับการหายตัวไปของ แมเดลีน แมคแคนน์ เด็กหญิงชาวอังกฤษวัย 3 ขวบ ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำในเยอรมนีแล้วในวันนี้ (17 ก.ย.) หลังจากรับโทษจำคุก 7 ปีจนครบกำหนดในคดีอาชญากรรมทางเพศคดีอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
คดีดังกล่าวเป็นคดีสะเทือนขวัญที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เกิดขึ้นเมื่อปี 2550 เมื่อหนูน้อยแมเดลีนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจากห้องนอนในรีสอร์ตที่พักตากอากาศในภูมิภาคอัลการ์วึ (Algarve) ของโปรตุเกส ขณะที่พ่อแม่ของเด็กน้อยกำลังรับประทานอาหารเย็นอยู่ที่ร้านอาหารใกล้ ๆ
สำหรับบรึกค์เนอร์ ชาวเยอรมันวัย 49 ปี ที่มีประวัติอาชญากรรมโชกโชน ทั้งคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กและค้ายาเสพติด ได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยหลักในคดีนี้เมื่อปี 2563 ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า เขาเคยอาศัยและก่อคดีลักทรัพย์ตามโรงแรมและที่พักในภูมิภาคอัลการ์วึระหว่างปี 2538-2550 ซึ่งเป็นช่วงเวลาและสถานที่เกิดเหตุพอดี
ส่วนโทษจำคุก 7 ปีที่บรึกค์เนอร์เพิ่งพ้นโทษออกมานั้น เป็นความผิดในคดีข่มขืนหญิงชราวัย 72 ปีในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งหญิงชราผู้นั้นได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
โฆษกเรือนจำในเมืองเซนเดอ ยืนยันว่า "เขาได้รับการปล่อยตัวเมื่อเวลา 9:15 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีตำรวจคุ้มกัน" และทนายความเป็นผู้ขับรถพาเขาออกไป ขณะที่ผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นรถยนต์คันหนึ่งขับออกจากเรือนจำ
อย่างไรก็ตาม การปล่อยตัวครั้งนี้มาพร้อมกับเงื่อนไขที่เข้มงวดอย่างยิ่ง โดยนิตยสารแดร์ ชปีเกล (Der Spiegel) ของเยอรมนี รายงานว่า บรึกค์เนอร์ถูกยกเลิกหนังสือเดินทาง ต้องสวมกำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อติดตามตัว ต้องแจ้งที่อยู่อาศัย และห้ามออกจากที่อยู่อาศัยโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยทนายความรายหนึ่งให้ความเห็นว่า นี่เป็นความพยายามของอัยการที่จะควบคุมตัวเขาไว้ในลักษณะกึ่งคุมขังเพื่อให้สามารถเข้าถึงตัวได้ตลอดเวลา
ด้านการสืบสวน ตำรวจจากทั้งสหราชอาณาจักร เยอรมนี และโปรตุเกส ยังคงเดินหน้าหาหลักฐานเพื่อมัดตัวบรึกค์เนอร์อย่างไม่ลดละ โดยเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจโปรตุเกสและเยอรมนีได้ใช้เวลา 4 วันในการขุดค้นหาหลักฐานในภูมิภาคอัลการ์วึ ขณะที่ตำรวจสหราชอาณาจักรเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (15 ก.ย.) ว่า บรึกค์เนอร์ได้ปฏิเสธที่จะให้ปากคำเกี่ยวกับคดีนี้ แต่ยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าสืบสวนในทุกแนวทางที่เป็นไปได้ต่อไป
ทั้งนี้ หากยังมีชีวิตอยู่ แมเดลีนจะมีอายุ 22 ปีแล้ว ขณะที่พ่อแม่ของแมเดลีนยังคงรณรงค์ตามหาลูกสาวอย่างไม่สิ้นหวัง และได้ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ว่า "เรารักและคิดถึงลูกสุดหัวใจเกินกว่าจะบรรยายเป็นคำพูดได้"