นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ระบุในวันนี้ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ สมควรได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปีนี้ จากความพยายามในการผลักดันให้กลุ่มฮามาสและอิสราเอลบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งจะปูทางไปสู่การยุติสงครามในฉนวนกาซาซึ่งได้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปี
'กรุณามอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพให้แก่ประธานาธิบดีทรัมป์ เขาสมควรได้รับมัน' นายเนทันยาฮูโพสต์ข้อความบน X
นายเนทันยาฮูส่งข้อความดังกล่าว ก่อนที่คณะกรรมการโนเบลแห่งนอร์เวย์ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 5 รายที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐสภานอร์เวย์ จะทำการประกาศผู้ชนะรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2025 ที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ในวันพรุ่งนี้ (10 ต.ค.) เวลา 16.00 น.ตามเวลาไทย
ผู้ชนะรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจะได้รับเหรียญรางวัลโนเบล ซึ่งเป็นเหรียญทอง 18 กะรัต ใบประกาศนียบัตร รวมทั้งเงินรางวัลจำนวน 11 ล้านโครนาสวีเดน (1.19 ล้านดอลลาร์) หรือราว 39 ล้านบาท
การประกาศรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปีนี้ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ขณะที่หลายฝ่ายพุ่งเป้าไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ซึ่งได้แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งถึงความปรารถนาที่จะคว้ารางวัลดังกล่าว
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ทุ่มความพยายามในโค้งสุดท้ายก่อนการประกาศรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในวันพรุ่งนี้ ด้วยการผลักดันการแก้ไขปัญหาความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ทำให้กลุ่มฮามาสและอิสราเอลบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งจะปูทางไปสู่การยุติสงครามในฉนวนกาซาซึ่งได้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปี
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ยื่นเงื่อนไขในการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ครั้งที่ 47 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันที่ 26-28 ต.ค. หากเขาได้รับอนุญาตให้เป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งจะจัดขึ้นนอกรอบการประชุมดังกล่าว
ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) สมัยสามัญครั้งที่ 80 ในวันที่ 23 ก.ย. ปธน.ทรัมป์แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการรางวัลโนเบลสันติภาพ โดยระบุว่าเขาสามารถยุติสงครามใน 7 สมรภูมิทั่วโลก นับตั้งแต่ที่เขากลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นสมัยที่ 2
'ทุกคนพูดว่า ผมควรได้รับรางวัลโนเบล แต่สำหรับผมแล้ว รางวัลที่แท้จริงคือการที่บรรดาลูกชายลูกสาวจะได้มีชีวิตเติบโตขึ้นมา เพราะผู้คนนับล้านไม่ต้องถูกสังหารในสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดอีกต่อไป' ปธน.ทรัมป์กล่าว
นอกจากนี้ ในการปราศรัยต่อหน้าคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของสหรัฐหลายร้อยนายเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า จะถือเป็นการ "ดูหมิ่น" ต่อสหรัฐอเมริกา หากเขาไม่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เนื่องจากเขามีบทบาทในการยุติสงครามในหลายภูมิภาคทั่วโลก
'คุณจะได้รางวัลโนเบลไหม? แน่นอนว่าไม่ เขาจะมอบให้กับใครบางคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย'
'มันจะเป็นการดูหมิ่นประเทศของเราอย่างมาก บอกได้เลย ผมไม่ได้อยากได้รางวัลนั้น ผมอยากให้ประเทศเป็นฝ่ายได้รับมันต่างหาก ประเทศสมควรได้รับ เพราะไม่เคยมีอะไรแบบนี้มาก่อน' ปธน.ทรัมป์กล่าว และเสริมว่า หากแผนสันติภาพในฉนวนกาซาได้ผล 'เราจะยุติสงครามใน 8 สมรภูมิในเวลา 8 เดือน ซึ่งถือว่าดีมากเลย'
ผู้นำของกัมพูชา อิสราเอล และปากีสถานต่างกล่าวว่า พวกเขาได้เสนอชื่อปธน.ทรัมป์ให้เป็นผู้ชนะรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปีนี้
อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ปธน.ทรัมป์จะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปีนี้ ยังคงมีความไม่แน่นอน
คณะกรรมการโนเบลแห่งนอร์เวย์ยืนยันว่า คณะกรรมการฯ จะไม่ถูกกดดันตามกระแสที่เกิดขึ้นตามสื่อมวลชน
'แน่นอนว่าเราสังเกตเห็นว่ามีความสนใจจากสื่ออย่างมากต่อผู้สมัครบางราย แต่สิ่งนี้ไม่มีผลต่อการหารือที่เกิดขึ้นในคณะกรรมการฯ แต่อย่างใด' นายคริสเตียน เบิร์ก ฮาร์ฟวิคเคน เลขาธิการคณะกรรมการฯ กล่าว
ทั้งนี้ คณะกรรมการโนเบลจะเป็นผู้พิจารณารายชื่อผู้ชนะรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ซึ่งในปีนี้มีผู้ได้รับการเสนอชื่อมากถึง 338 ราย โดยผู้ชนะอาจเป็นองค์กรด้านมนุษยธรรม หน่วยงานของสหประชาชาติ หรืออาจเป็นผู้ชนะที่คาดไม่ถึง โดยผู้ชนะในปีที่แล้วคือ Nihon Hidankyo ซึ่งเป็นองค์กรของผู้รอดชีวิตจากระเบิดปรมาณูในญี่ปุ่น โดยภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์ถือเป็นประเด็นที่คณะกรรมการฯ ให้ความสำคัญมาโดยตลอด
ข้อมูลจากเว็บไซต์ Oddschecker ซึ่งรวบรวมอัตราต่อรองจากสำนักพนันต่าง ๆ พบว่า ตัวเก็งอันดับหนึ่งที่จะคว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปีนี้ ได้แก่ เครือข่ายอาสาสมัครช่วยเหลือฉุกเฉินแห่งซูดาน (Sudans Emergency Response Rooms) ซึ่งเป็นองค์กรอาสาสมัครที่ให้ความช่วยเหลือในประเทศซูดานที่กำลังเผชิญภาวะสงคราม ขณะที่ชื่อของปธน.ทรัมป์ตามมาเป็นที่ 2 ส่วนรายชื่ออันดับ 3 คือ นางยูเลีย นาวัลนายา ซึ่งเป็นภรรยาม่ายของนายอเล็กเซ นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้านรัสเซียผู้ล่วงลับ