😈* สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในฮาโลวีนคืนนี้ ไม่ใช่ผี แต่เป็น....ราคาช็อกโกแลต

สำนักข่าว CNBC รายงานว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในวันฮาโลวีนปีนี้ ไม่ใช่ผี ปีศาจ หรือปีศาจน้อย แต่เป็น.... ราคาช็อกโกแลต โดยราคาต่อปอนด์ของช็อกโกแลตพุ่งขึ้นเกือบ 14% ในช่วง 12 สัปดาห์จนถึงวันที่ 5 ตุลาคม

ทั้งนี้ Snickers, Reeses ไปจนถึง Twix ซึ่งเป็นขนมช็อกโกแลตยอดนิยมในสหรัฐกำลังมีราคาแพงขึ้น โดยมีสาเหตุจากจากภาษีศุลกากร, เงินเฟ้อ และราคาโกโก้ที่สูงขึ้น ทำให้กดดันทั้งกำไรของบริษัท รวมทั้งกระเป๋าของผู้บริโภค และอาจทำให้ช็อกโกแลตในถัง Trick-or-Treat ลดน้อยลงในปีนี้

NielsenIQ เปิดเผยว่า เมื่อช็อกโกแลตมีราคาสูงขึ้น ขนมหวานรสผลไม้ เปรี้ยว และเคี้ยวหนึบ กลับได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมากกว่าครึ่งของผู้ซื้อวางแผนเน้นขนม Gummy สำหรับฮาโลวีนปีนี้ ส่งผลให้ขนมฮาโลวีนที่ไม่ใช่ช็อกโกแลต เช่น Jolly Ranchers และ Skittles มียอดขายเพิ่มขึ้น 8.3%

ข้อมูลจากบริษัทวิจัย Circana และสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ (BLS) ระบุว่า ราคาช็อกโกแลตพุ่งขึ้นเกือบ 30% เมื่อเทียบกับฮาโลวีนปีที่แล้ว และเกือบ 78% เมื่อเทียบกับในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ FinanceBuzz รายงานว่า ถุงลูกกวาดหลากหลายชนิด 100 ชิ้น ขณะนี้มีราคา 16.39 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 7.20 ดอลลาร์ในปี 2563

นอกจากนี้ ราคาที่พุ่งสูงขึ้นนี้ยังสะท้อนให้เห็นบนชั้นวางสินค้าด้วย โดยชุดขนมหลากหลายรสของ Hershey ผู้ผลิต Reeses, KitKats และ Heath bars มีราคาพุ่งขึ้นราว 22% ขณะที่ Mars ผู้ผลิต M&Ms และ Milky Way ปรับราคาขึ้นประมาณ 12%

ทั้งนี้ ชาวอเมริกันราว 4 ใน 5 ซื้อขนมหวานสำหรับเทศกาลฮาโลวีน ขณะที่ยอดขายขนมหวานในฮาโลวีนคิดเป็นประมาณ 18% ของยอดทั้งปีในสหรัฐ เป็นรองเพียงเทศกาลคริสต์มาสเท่านั้น

สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐคาดว่าปีนี้จะเป็นปีที่มียอดขายขนมหวานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐ โดยมีการใช้จ่ายเฉพาะขนมในช่วงฮาโลวีนราว 3.9 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ดี Circana พบว่าความนิยมของช็อกโกแลตกำลังลดลง โดยเมื่อปีที่แล้ว ช็อกโกแลตคิดเป็น 52% ของยอดขายขนมในวันฮาโลวีน แต่ปีนี้เหลือเพียง 44% เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มหันไปซื้อขนมหวานที่ถูกกว่าและเป็นที่นิยมมากกว่า

ช็อกโกแลตส่วนใหญ่ที่วางบนชั้นวางในสหรัฐในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ ผลิตจากเมล็ดโกโก้ที่ซื้อในราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ซึ่งราคาในสัญญาล่วงหน้าพุ่งสูงกว่า 12,000 ดอลลาร์ต่อเมตริกตัน แม้ว่าราคาในปัจจุบันได้ลดลงเหลือราว 6,000 ดอลลาร์ แต่ก็ยังมากกว่า 2 เท่าของค่าเฉลี่ยก่อนช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19

ปัจจัยทางธรรมชาติ เช่น อุณหภูมิที่สูงขึ้น ฝนตกไม่สม่ำเสมอ ภัยแล้ง และโรคพืช ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้การเก็บเกี่ยวในแอฟริกาตะวันตก ซึ่งผลิตโกโก้ราว 70% ของโลก ได้ลดลงอย่างมาก ทำให้เกิดการขาดแคลนโกโก้ทั่วโลกมากที่สุดในรอบ 60 ปี

นายเดวิด แบรนช์ ผู้จัดการของ Wells Fargo Agri-Food Institute กล่าวว่า ในปีหน้า ราคาช็อกโกแลตอาจคงที่ แต่ไม่ลดลง แม้ว่าผลผลิตได้เพิ่มขึ้นแล้ว

'ไม่ใช่แค่ค่าใช้จ่ายในการผลิตโกโก้และส่วนผสมอื่น ๆ เท่านั้น แต่รวมถึงค่าแรง การขนส่ง น้ำมัน ค่าดำเนินงาน และปัจจัยอื่นๆ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้เพิ่มขึ้นและยังไม่ลดลง' นายแบรนช์กล่าว

ด้านบริษัท Hershey เปิดเผยว่า ภาษีศุลกากรจะทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่าย 160-170 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ ส่งผลให้ผู้ผลิตช็อกโกแลตยื่นขอ การยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับโกโก้และการนำเข้าสินค้าเกษตรอื่นๆ ต่อรัฐบาลทรัมป์ โดยระบุว่าบริษัทไม่สามารถซื้อวัตถุดิบจากภายในประเทศ