ไบแนนซ์ (Binance) แพลตฟอร์มคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุดในโลก เผชิญคดีฟ้องร้องในสหรัฐฯ หลังถูกกล่าวหาว่าเอื้อให้กลุ่มฮามาสทำธุรกรรมทางการเงิน ก่อนเกิดเหตุโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566
รายงานระบุว่า ผู้เสียหายกว่า 300 คน รวมถึงครอบครัวของเหยื่อได้ยื่นฟ้องไบแนนซ์, ฉางเผิง จ้าว ผู้ร่วมก่อตั้ง และกวางอิง เฉิน ผู้บริหารระดับสูง ภายใต้กฎหมายว่าด้วยความยุติธรรมเพื่อต่อต้านผู้สนับสนุนการก่อการร้าย (JASTA) ของสหรัฐฯ โดยระบุว่า ไบแนนซ์เอื้อให้กลุ่มฮามาส ฮิซบอลเลาะห์ และองค์กรอื่น ๆ ที่สหรัฐฯ ระบุว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายต่างประเทศ ทำธุรกรรมมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ลี โวโลสกี ทนายความของผู้เสียหายระบุว่า คดีนี้ชี้ชัดว่า ไบแนนซ์เอื้อให้เกิดธุรกรรมหลายร้อยล้านดอลลาร์ที่ช่วยเหลือผู้ก่อเหตุโจมตีเมื่อวันที่ 7 ต.ค. บริษัทที่เลือกผลกำไรเหนือหน้าที่ด้านการต่อต้านการก่อการร้าย ต้องรับผิดชอบ และจะเป็นเช่นนั้น
เอกสารฟ้องร้องที่เปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อวันจันทร์ (24 พ.ย.) ณ ศาลรัฐบาลกลางรัฐนอร์ทดาโคตาระบุว่า ไบแนนซ์เอื้อการทำธุรกรรมกับกลุ่มฮามาสมากกว่าที่สหรัฐฯ เปิดเผยในปี 2566 ซึ่งไบแนนซ์เคยรับสารภาพว่าละเมิดกฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน และจ่ายค่าปรับ 4.3 พันล้านดอลลาร์ ส่วนจ้าวรับสารภาพ โดยลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ และรับโทษจำคุก 4 เดือน ก่อนได้รับอภัยโทษจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่เฉินไม่ถูกตั้งข้อหาใด ๆ
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ไบแนนซ์และจ้าวเผชิญคดีฟ้องร้องทั้งหมด 4 คดีในสหรัฐฯ ฐานช่วยเหลือและสนับสนุนกลุ่มฮามาส