แหล่งข่าววงในเปิดเผยกับสำนักข่าวเกียวโดในวันนี้ (15 ธ.ค.) ว่า ญี่ปุ่นเตรียมส่งแพนด้ายักษ์ฝาแฝดกลับคืนสู่ประเทศจีนในช่วงปลายเดือนม.ค. 2569 ซึ่งจะส่งผลให้ญี่ปุ่นไม่มีแพนด้าเหลืออยู่เลยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 50 ปี
แพนด้าคู่ดังกล่าวคือ "เสี่ยวเสี่ยว" (เพศผู้) และ "เหล่ยเหล่ย" (เพศเมีย) ซึ่งถือกำเนิดเมื่อเดือนมิ.ย. 2564 ณ สวนสัตว์อุเอโนะ จากพ่อพันธุ์ "รื่อรื่อ" และแม่พันธุ์ "ชินชิน" โดยพ่อและแม่แพนด้าได้ถูกส่งกลับจีนไปก่อนแล้วในปี 2567 ส่วนการส่งคืนลูกแพนด้าฝาแฝดนั้น เป็นไปตามสัญญาเช่ายืมแบบทวิภาคีระหว่างญี่ปุ่นกับจีน ซึ่งจะสิ้นสุดลงในเดือนก.พ.ปีหน้า
สถานการณ์ดังกล่าวนับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เนื่องจากเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา แพนด้ายักษ์ 4 ตัว ณ สวนสนุกแอดเวนเจอร์เวิลด์ เมืองชิราฮามะ จังหวัดวากายามะ ได้เดินทางกลับประเทศจีนแล้ว จึงเหลือเพียงแพนด้าที่สวนสัตว์อุเอโนะเป็นคู่สุดท้าย
ทั้งนี้ นับตั้งแต่แพนด้ายักษ์คู่แรกเดินทางจากจีนถึงญี่ปุ่นในปี 2515 เพื่อเป็นที่ระลึกในการปรับความสัมพันธ์ทางการทูตสู่ระดับปกติ สัตว์สัญลักษณ์ชนิดนี้ได้กลายเป็นขวัญใจของสาธารณชนญี่ปุ่นและสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเรื่อยมา
อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ญี่ปุ่นจะได้ยืมแพนด้าคู่ใหม่เพื่อสานต่อบทบาททูตสันถวไมตรีมีความไม่แน่นอนสูง ท่ามกลางความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่เสื่อมถอยลง ภายหลังซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้กล่าวในรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ว่า หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นในไต้หวัน อาจถือเป็น "สถานการณ์คุกคามความอยู่รอด" ของญี่ปุ่น ซึ่งคำกล่าวของทาคาอิจิถูกตีความว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอาจอนุญาตให้กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นดำเนินการสนับสนุนสหรัฐฯ หากจีนใช้มาตรการปิดล้อมทางทะเล หรือใช้รูปแบบการบีบบังคับอื่น ๆ ต่อไต้หวัน
ถ้อยแถลงดังกล่าวของทาคาอิจิสร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลจีนเป็นอย่างมาก เนื่องจากจีนถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนและปัญหานี้เป็นกิจการภายในของจีนแต่เพียงผู้เดียว