ข้อมูลจากเอกสารคำฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า ดิสนีย์ (Disney) และเจมส์ แคเมอรอน ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ถูก เอริก ไรเดอร์ นักสร้างแอนิเมชัน 3 มิติ ยื่นฟ้องในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ โดยกล่าวหาว่า แคเมอรอนนำผลงานของตนไปใช้ในภาพยนตร์เรื่อง "อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ" (Avatar: The Way of Water) ซึ่งออกฉายเมื่อปี 2565
ไรเดอร์ระบุในคำฟ้องที่ยื่นเมื่อวันจันทร์ (15 ธ.ค.) ว่า ตนเคยร่วมงานกับบริษัท ไลต์สตอร์ม เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (Lightstorm Entertainment) ของแคเมอรอนในช่วงปลายทศวรรษ 1990 เพื่อพัฒนาภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากเรื่องราวแนวไซไฟของตนที่มีชื่อว่า "KRZ" โดยไรเดอร์กล่าวหาว่า แคเมอรอนได้คัดลอกองค์ประกอบของเรื่องราวดังกล่าวไปใช้ในภาพยนตร์ชุดอวตาร ซึ่งรวมถึงสิ่งมีชีวิตที่มีสัณฐานคล้ายมนุษย์ ฉากมหาสมุทรขนาดใหญ่ และองค์กรจากโลกที่มีเจตนาร้ายซึ่งเข้ามาทำเหมืองแร่ที่ทำลายสิ่งแวดล้อมบนดวงจันทร์ของดาวเคราะห์แก๊สยักษ์ชื่อ ยูโรปา
ประเด็นสำคัญในคำฟ้องครั้งนี้ระบุว่า ภาพยนตร์เรื่อง "อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ" มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเก็บเกี่ยวสารจากสัตว์ซึ่งเมื่อนำไปสกัดแล้วสามารถยืดอายุขัยของมนุษย์ได้ โดยเนื้อหาส่วนนี้ปรากฏอยู่ในเรื่อง "KRZ" ของไรเดอร์ แต่ไม่ได้ปรากฏในภาพยนตร์ "อวตาร" ภาคแรก ดังนั้น การฟ้องร้องครั้งนี้จึงไม่ใช่การรื้อฟื้นคดีเดิมที่ศาลเคยยกฟ้องไปเมื่อปี 2554 แต่เป็นการโต้แย้งการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์ครั้งใหม่ที่เพิ่งปรากฏใน "อวตาร" ภาค 2
แดเนียล ซอนเดอร์ส ทนายความของไรเดอร์ แถลงว่า "การที่จำเลยถูกกล่าวหาว่านำผลงานสร้างสรรค์ที่ได้รับความคุ้มครองของคุณไรเดอร์ไปใช้โดยมิชอบและขโมยไปอย่างโจ่งแจ้ง เพื่อสร้างภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 3 ตลอดกาลนั้น เป็นเรื่องที่ชัดเจนและเลวร้ายอย่างยิ่ง และสมควรได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน"
ทั้งนี้ ไรเดอร์ได้เรียกร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินอย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และร้องขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการฉายภาพยนตร์ภาคที่ 3 "อวตาร: อัคนีและธุลีดิน" (Avatar: Fire and Ash) ซึ่งมีกำหนดเข้าฉายในสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ (19 ธ.ค.)