(REPEAT) อุ่นเครื่องออสการ์Birdmanตัวเก็งคว้าภาพยนตร์ยอดเยี่ยม,จูลีแอน มัวร์-ไมเคิล คีตัน ตัวเก็งดารานำหญิง-ชายยอดเยี่ยม

ข่าวต่างประเทศ Sunday February 22, 2015 14:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

จับตางานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 87 ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 ก.พ.และตรงกับช่วงเช้าวันจันทร์ตามเวลาไทย หลายสำนักคาดการณ์ว่า รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปีนี้จะตกเป็นของเรื่อง Birdman ซึ่งเข้าชิงออสการ์ในปีนี้ถึง 9 สาขา แต่ก็มีกระแสประปรายว่า The Imitation Game และ Boyhood มีลุ้นในสาขานี้เช่นกัน

ในส่วนของรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ทุกสำนักต่างเชียร์กันว่า จูลีแอน มัวร์ จาก Still Alice เหมาะสมกับรางวัลนี้มากที่สุด สำหรับนักแสดงนำชาย ไมเคิล คีตัน จาก Birdman ในบทบาทอดีตนักแสดงซูเปอร์ฮีโร่ตกอับ เป็นตัวเต็งเบอร์ 1 ในสาขานี้ รองลงมาคือ เบเนดิคท์ คัมเบอร์แบทช์ จาก The Imitation Game และ เอ็ดดี้ เรดเมย์น จากเรื่อง The Theory of Everything

สำหรับงานออสการ์ปีนี้จะจัดขึ้นที่ดอลบีเธียร์เตอร์ในเมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ ในวันอาทิตย์ที่ 22 ก.พ. ตั้งแต่เวลา 16.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น เป็นต้นไป (จันทร์ที่ 23 ก.พ. เวลา 7.00 น.ตามเวลาไทย)

รายชื่อภาพยนตร์และนักแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์ มีดังนี้

          *สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

          -- Birdman
          ริกแกน ทอมป์สัน (รับบทโดย ไมเคิล คีตัน) เป็นอดีตดาราหนังที่เคยโด่งดังจากบทซูเปอร์ฮีโร่ “Birdman" แต่ชื่อเสียงที่ได้มาก็ค่อยๆจางหายไปตามกาลเวลาจนตกต่ำถึงขีดสุด เขาจึงตัดสินใจหันมาทำละครบรอดเวย์โดยเขียนบท กำกับ และแสดงเอง ด้วยหวังว่าจะกู้ชื่อเสียงกลับคืนมา แต่เขาก็ต้องต่อสู้กับอดีตในจิตใจและปัญหามากมายรอบตัว

          -- Boyhood
          ภาพยนตร์เรื่อง Boyhood เข้าฉายในปี 2557  เป็นผลงานชิ้นเอกของผู้กำกับ ริชาร์ด ลิงค์เลเทอร์ นำเสนอเรื่องราวการก้าวข้ามผ่านพ้นวัยของเด็กชายชื่อ เมสัน ที่ต้องเผชิญกับมรสุมชีวิต ทั้งการหย่าร้างของพ่อแม่ และการใช้ชีวิตด้วยตัวเอง
          เสน่ห์ของหนังเรื่องนี้อยู่ที่การใช้นักแสดงคนเดียวในการถ่ายทอดบทบาท โดยใช้เวลาถึง 12 ปี ในการถ่ายทำ และมีการปรับบทให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงของผู้แสดง ทำให้ผู้ชมได้เห็นพัฒนาการของตัวเอกอย่างสมจริงที่สุด และถือเป็นปรากฏการณ์แปลกใหม่ในวงการภาพยนตร์ หนังเรื่องนี้จึงไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่ถ่ายทอดบทบาทของตัวละครออกมาสู่สายตาผู้ชมเท่านั้น แต่เป็นการจดบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ของโลกผ่านการแสดงที่เป็นธรรมชาติ และมุมกล้องอันมีเสน่ห์ เป็นผลงานอันทรงคุณค่าที่หาชมได้ยาก

          -- SELMA
          ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงในประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของสหรัฐอเมริกา แต่อาจไม่ใช่ภาพยนตร์อัตชีวประวัติอย่างเต็มรูปแบบที่เล่าเรื่องชีวิตของคนคนหนึ่งตั้งแต่เกิดจนตายอย่างที่เราคุ้นชินกัน
          SELMA เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวในเสี้ยวชีวิตหนึ่งของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง, จูเนียร์ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนผู้โด่งดังของอเมริกา ในช่วงที่สังคมอเมริกันตีราคาคุณค่าความเป็นคนโดยใช้สีผิวเป็นมาตรวัด
          ภาพยนตร์ได้หยิบยกเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมของชาวอเมริกันผิวสีในช่วงทศวรรษที่ 1960 โดยให้มาร์ติน ลูเธอร์ คิง,จูเนียร์ มีบทบาทสำคัญในการดำเนินเรื่อง ซึ่งมีเหตุการณ์สำคัญก็คือการรวมตัวเดินขบวนของชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันจากเมืองเซลมา รัฐอลามาบา ไปยังเมืองมอนต์โกเมอรี ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ โดยสะท้อนมุมมองผ่านตัวละครหลากหลาย ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์

          -- The Theory of Everything
          The Theory of Everything เป็นเรื่องราวสุดน่าประทับใจของนักฟิสิกส์หนุ่มอัจฉริยะนามว่า สตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง (รับบทโดย เอ็ดดี้ เรดเมย์น) กับนักศึกษาสาว เจน ไวลด์ (รับบทโดย เฟลิซิตี้ โจนส์) ที่ดัดแปลงมาจากนิยายชีวิตจริงของเจน ฮอว์กิ้ง ภรรยาของสตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง พวกเขาตกหลุมรักกันขณะที่กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในยุค 60 แต่โชคร้ายที่สตีเฟ่นป่วยเป็นโรคเซลล์ประสาทสั่งการเสื่อมตั้งแต่อายุ 21 ปี ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่าเขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานกัน และร่วมต่อสู่กับโรคร้ายไปด้วยกัน ต่อมา พวกเขาได้สร้างผลงานสร้างชื่อในแวดวงการแพทย์ และวิทยาศาสตร์จนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
          ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทอดจากเค้าโครงชีวิตจริงของสตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง และได้ผู้กำกับรางวัลออสก้าร์อย่าง เจมส์ มาร์ช มาโชว์ฝีมือพร้อมด้วยนักแสดงชื่อดังมากมาย อาทิ ชาร์ลี ค็อกซ์, เอมิลี่ วัตสัน และเดวิด ธิวลิส มาร่วมลุ้นไปกับความรักที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาได้ใน The Theory of Everything ทฤษฎีรักนิรันดร

          -- The Imitation Game
          The Imitation Game เล่าเรื่องของ อลัน ทัวร์ริ่ง นักคิด นักคณิตศาสตร์ และนักตรรกศาสตร์ไฟแรงจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สร้างชื่อเสียงโด่งดังจากการสร้างทฤษฎีรองรับการประดิษฐ์เครื่องคอมพิวเตอร์ ทฤษฎีดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้จริงในสงครามระหว่างอังกฤษและอเมริกาในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อกองทัพเรือเยอรมันได้นำเครื่องอีนิกม่ามาใช้ในการส่งข้อความ ทัวร์ริ่งจึงต้องเข้าทำแบบทดสอบของกองทัพอังกฤษเพื่อที่จะเข้าไปประดิษฐ์เครื่องถอดรหัสโดยใช้ทฤษฎีของเขาเอง เครื่องมือถอดรหัสที่ทัวร์ริ่งประดิษฐ์ขึ้นสร้างความประหลาดใจให้เหล่าผู้บังคับบัญชาในกองทัพเป็นอย่างมาก
          นอกจากเรื่องงานแล้ว ในเรื่องส่วนตัว เขายังได้สร้างความประทับใจให้กับหญิงสาวนาม โจน คลาร์ก จนกระทั่งหมั้นหมายและเตรียมแต่งงานด้วยในเวลาถัดมา แต่ถึงแม้ทุกอย่างจะดูเข้าที่เข้าทาง ทัวร์ริ่งกลับต้องประสบกับวิกฤติตัวตน เนื่องจากความจริงนั้นเขาเป็นเกย์ ซึ่งในช่วงเวลานั้นถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายและสุ่มเสี่ยงต่อการถูกลงทัณฑ์เป็นอย่างยิ่ง
          The Imitation Game เป็นผลงานการกำกับของ มอร์เท่น ทิลดัม นำแสดงโดย เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์ และเคียร่า ไนท์ลีย์

          -- The Grand Budapest Hotel
          ภาพยนตร์ตลกร้ายว่าด้วยเรื่องราวมิตรภาพและชีวิตของ กุสตาฟ เอช. พนักงานต้อนรับระดับมือโปรแห่งโรงแรมแกรนด์บูดาเปสต์ที่มีชื่อเสียงของยุโรป และซีโร่ มุสตาฟา พนักงานประจำล็อบบี้ของโรงแรม พร้อมกับนักแสดงระดับตำนานอีกมากมายที่ร่วมประชันบทบาทและเสริมอรรถรสให้กับภาพยนตร์ย้อนอดีตที่นำเสนอแบบเกรียนๆผสานเซอร์เรียลลิสม์และเป็นเอกลักษณ์ภายใต้การกำกับของ Wes Anderson
          การฆาตรกรรมมาดามดี หนึ่งในแขกของโรงแรม ซึ่งรับบทโดย ทิลดา สวินตัน นั้น นำมาซึ่งความโกลาหลของกุสตาฟและซีโร่ เนื่องจากกุสตาฟถูกลูกชายของมาดามดี ซึ่งรับบทโดยเอเดรียน โบดี ใส่ร้ายว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตาย รวมถึงการโจรกรรมภาพเขียนอันล้ำค่าของมาดามดี การไล่ล่าและการหลบหนีของกุสตาฟและซีโร่สะท้อนมิตรภาพและความสนุกสนานแบบเกรียนๆจากเหล่านักแสดงมากฝีมือได้ตลอดทั้งเรื่อง

          -- American Sniper
          ภาพยนตร์ที่สร้างจากชีวิตจริงของ คริส ไคลน์ พลแม่นปืนระดับตำนานของสหรัฐเมริกา ความแม่นยำในการยิงระยะไกลของเขาได้ช่วยชีวิตเหล่าทหารอเมริกันในสมรภูมิรบมาแล้วอย่างนับไม่ถ้วน คริสถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตาย 4 ครั้งที่อิรัก จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของหน่วย SEAL และวลีที่ว่า "อย่าทิ้งใครไว้เบื้องหลัง"
          ภาพยนตร์ได้บอกเล่าเรื่องราวของคริส ไคลย์ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวันที่เขาเลือกที่จะรับใช้ชาติในฐานะนาวิกโยธินแห่งหน่วย SEAL คริสถูกคาดหวังให้เป็นพ่อที่ดีจากภรรยาแสนสวยและครอบครัวที่ทั้งสองพยายามสร้างร่วมกัน และยังแบกความคาดหวังจากเหล่านาวิกโยธินของหน่วย SEAL ที่ต้องการให้คริสเป็นกำลังหนุนในการปลิดชีพเหล่าก่อการร้ายในอิรัก เมื่อคริสเดินทางกลับมาตุภูมิเพื่อทำหน้าที่สามีและพ่อที่ดีของลูก คริสเลือกที่จะชีวิตแบบคาวบอยตามครรลองของตนเอง

          -- Whiplash
          การที่ต้องเฝ้าดูพ่อประสบความล้มเหลวกับชีวิตนักเขียนและทนกับความหิวมาตั้งแต่เขาจำความความได้ผลักดันให้แอนดรูว์ ไนแมนน์ (ไมล์ส เทลเลอร์) ซึ่งเล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็กมุ่งมั่นที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองด้วยการเข้าเรียนในวิทยาลัยดนตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดในชายฝั่งตะวันออก ที่นี่ เขาได้รับคัดเลือกให้เป็นมือกลองสำรองของวงแจ็ซของวิทยาลัยดนตรีซึ่งนำโดยเทอเรนซ์ เฟลทเชอร์ (เจ.เค. ซิมมอนส์) อาจารย์สุดโหดผู้มีชื่อเสียงกระฉ่อนในเรื่องการใช้ทั้งความกลัวและการข่มขู่มาผลักดันให้นักศึกษามีความสมบูรณ์พร้อม

*สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม

-- จูลีแอน มัวร์ (Julianne Moore) เป็นนักแสดงชาวอเมริกันวัย 54 ปี ผลงานที่ทำให้เป็นเธอที่รู้จักได้แก่ภาพยนตร์เรื่อง The Lost World: Jurassic Park (1997) และ The Kids Are All Right (2010) การแสดงของเธอได้รับรางวัลการันตีมากมาย และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ถึง 4 ครั้ง ล่าสุดมัวร์ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำประจำปีนี้ สาขาดารานำหญิงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์ Still Alice ซึ่งเป็นสาขาเดียวกับที่เธอได้รับการเสนอชื่อในรางวัลออสการ์ปีนี้

ใน Still Alice มัวร์รับบท ดร. อลิซ ฮาวแลนด์ อาจารย์ด้านภาษาศาสตร์ชื่อดังซึ่งมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่เธอต้องเจอจุดพลิกผันครั้งใหญ่เมื่อเธอต้องเป็นโรคร้าย ซึ่งสุดท้ายกลับกลายเป็นบทพิสูจน์ความรักและความผูกพันของครอบครัวของเธอ

-- เฟลิซิตี้ โจนส์ (Felicity Jones) รับบทเป็น เจน ไวลด์ ในภาพยนตร์เรื่อง The Theory of Everything ทฤษฎีรักนิรันดร

เฟลิซิตี้ โจนส์ นักแสดงชาวอังกฤษ รับบทเป็นหญิงสาวที่ตกหลุมรักชายที่ป่วยด้วยโรคร้าย แม้ว่าเรื่องนี้เธอจะไม่มีโอกาสแสดงอารมณ์หนักหน่วงเท่านักแสดงนำชาย แต่เธอกลับสื่ออารมณ์ผ่านบุคลิก น้ำเสียง และสายตาที่อ่อนหวานนุ่มนวลของตัวละครเจน ไวลด์ ผู้เป็นเสมือนแรงผลักดันของสตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม

-- โรซามันด์ ไพค์ ( Rosamund Pike) ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากบท เอมี่ สาวโรคจิตในภาพยนตร์เรื่อง Gone Girl ประกอบคู่กับเบน เอฟเฟลค การรับบทเอมี่ ผู้ซึ่งมีปมมาตั้งแต่เด็กทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่ทั้งฉลาดและน่ากลัวในคราวเดียวกัน ด้วยรูปลักษณ์หน้าตาที่สวยงามและเซ็กซี่แต่ฝีมือการแสดงหลากหลายบุคลิกใน Gone Girl ทำให้เธอขึ้นสู่จุดพีคของชีวิตการแสดงในที่สุด

นักแสดงสาวชาวอังกฤษรายนี้เกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม 1979 และผ่านงานภาพยนตร์มาแล้วหลายเรื่อง เช่น The World's End, Wrath of the Titans Jack Reacher รวมทั้งบทสาวบอนด์ในภาค Die Another Day

-- รีส วิเธอร์สปูน (Reese Witherspoon) นักแสดงอเมริกันวัย 38 ปี ซึ่งเคยคว้าออสการ์สาขาดารานำหญิงมาแล้วจากเรื่อง Walk The Line (2005) วิเธอร์สปูนยังเป็นที่รู้จักจากภาพยนตร์ Legally Blonde (2001) และ Sweet Home Alabama (2002) ล่าสุดเธอได้รับการเสนอชื่อนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมรางวัลลูกโลกทองคำและออสการ์นี้ปีนี้จากภาพยนตร์เรื่อง Wild

ใน Wild วิเธอสปูนรับบทเป็นเชอร์ริล หญิงสาวผู้ล้มเหลวในชีวิตแต่งงานและสูญเสียแม่อันเป็นที่รัก ซึ่งเป็นเหตุเธอใช้ชีวิตอย่างเหลวแหลกและยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จนกระทั่งเธอมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเดินป่าแม้ว่าไม่รู้วิธีปีนเขา ซึ่งนำไปสู่การผจญภัยนับพันไมล์ที่ให้คำตอบแก่ชีวิต

-- มาริยง โกติยาร์ (Marion Cotillard) นักแสดงหญิงชาวฝรั่งเศสวัย 39 ปี ได้รับการเสนอชื่อเพื่อชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง Two Days One Night โดยนักแสดงหญิงมากความสามารถรายนี้ได้รับการเสนอชื่อเพื่อชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งที่สอง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เธอเคยคว้ารางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมมาแล้วจากผลงานภาพยนตร์เรื่อง La Vie en Rose และเป็นนักแสดงรายแรกและรายเดียวที่คว้ารางวัลออสการ์มาครองจากผลงานภาพยนตร์ภาษาฝรั่งเศส

สำหรับผลงานในเรื่อง Two Days One Night ที่ได้รับการเสนอชื่อในปีนี้ มาริยง นำแสดงเป็นซานดร้า บยา ซึ่งทำงานในโรงงานผลิตโซลาร์เซลล์ โดยเธอประสบกับปัญหาทางสุขภาพจิตจนถูกบังคับพักงาน ขณะที่เธอถูกพักงานนั้น ทางฝ่ายบริหารของโรงงานดังกล่าวได้เสนอเงินโบนัสให้กับคนงานที่เหลือ หากพวกเขาสามารถทำงานแทนที่ซานดร้าจนบริษัทไม่จำเป็นต้องจ้างเธออีกต่อไป โดยซานดร้าจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้เพื่อนร่วมงานปัดข้อเสนอดังกล่าว

          *สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

          -- ไมเคิล คีตัน (Michael Keaton) เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน วัย 63 ปี เป็นที่รู้จักในช่วงแรกกับบทตลกอย่างเช่น Night Shift, Mr. Mom, Beetlejuice และรับบทเป็นบรูซ เวย์น แบทแมน ในภาพยนตร์ของทิม เบอร์ตัน เรื่อง Batman และ Batman Returns เช่นเดียวกับบทนำในภาพยนตร์อื่นอย่างเช่น The Paper, Jackie Brown และ White Noise
          ในภาพยนตร์เรื่อง Birdman คีตันรับบทเป็น ริกแกน ทอมป์สัน อดีตดาราซูเปอร์ฮีโร่จอเงินที่พยายามดัดแปลงผลงานเรื่อง What We Talk About When We Talk About Love ออกมาในรูปแบบละครบรอดเวย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อกอบกู้ชื่อเสียง ชีวิตครอบครัว และความภาคภูมิใจกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

          -- เอ็ดดี้ เรดเมย์น (Eddie Redmayne) รับบทเป็น สตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง ในภาพยนตร์เรื่อง The Theory of Everything ทฤษฎีรักนิรันดร
          ในเรื่องนี้ เอ็ดดี้ เรดเมย์น นักแสดงชาวอังกฤษ รับบทเป็นนักฟิสิกส์ที่ป่วยเป็นโรคเซลล์ประสาทสั่งการเสื่อม อาการของเขาเริ่มหนักขึ้นถึงขั้นไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกาย หรือแม้แต่เปล่งเสียงได้ ซึ่งเอ็ดดี้ เรดเมย์นก็สามารถแสดงได้อย่างสมบทบาท เขาต้องทำการบ้านอย่างหนัก ทั้งฝึกการแสดงที่ต้องเอาท่าทางของซอมบี้จากภาพยนตร์เรื่อง World War Z มาใช้ และเรียนรู้อาการป่วยของโรคกล้อมเนื้ออ่อนแรงอีกด้วย เอ็ดดี้ เรดเมย์นได้รับเสียงชมอย่างไม่ขาดสายจากบทบาทสตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง และยังได้รับรางวัลการันตีจากสถาบันต่างๆอีกด้วย อาทิ รางวัล BAFTA เป็นต้น

          -- เบเนดิคท์ คัมเบอร์แบทช์ (Benedict Cumberbatch) เป็นนักแสดงชาวอังกฤษวัย 38 ปีที่มีผลงานทั้งทางโทรทัศน์ วิทยุ และโรงละคร ซึ่งได้รับรางวัลจากบทบาทการแสดงมากมาย อาทิ Hawking (ภาพยนตร์โทรทัศน์) ปี 2004, Amazing Grace ปี 2006, Atonement ปี 2007, The Last Enemy ปี 2008, Small Island ปี 2009 และ เชอร์ล็อก ปี 2010-ปัจจุบัน
          ในภาพยนตร์เรื่อง The Imitation Game คัมเบอร์แบทช์ รับบทเป็น อลัน ทัวร์ริ่ง นักคณิตศาสตร์ไฟแรงจากเคมบริดจ์ที่ประสบความสำเร็จในการสร้างเครื่องถอดรหัสอีนิกมาที่กองทัพเยอรมันใช้ในการส่งข้อความ ซึ่งสามารถใช้ได้จริงและนำไปสู่ชัยชนะสงครามของอังกฤษในเวลาต่อมา แม้ทุกอย่างจะดูเข้าที่เข้าทาง ทัวร์ริ่งกลับต้องประสบกับวิกฤติตัวตน เนื่องจากความจริงนั้นเขาเป็นเกย์ ซึ่งในช่วงเวลานั้นถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายและสุ่มเสี่ยงต่อการถูกลงทัณฑ์เป็นอย่างยิ่ง

        -- สตีฟ คาเรล (Steve Carell) เป็นนักแสดงมากความสามารถวัย 52 ปีจากสหรัฐ ส่วนใหญ่รับบทเป็นตัวเอกในหนังแนวคอมเมดี้ ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมด้วยการแสดงตลกหน้าตาย ผลงานการแสดงที่ผ่านมา อาทิ ซีรีย์ The Office ภาพยนตร์ Little Miss Sunshine, Evan Almighty, The 40-Year-Old-Virgin, Get Smart และ Date Night นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้พากย์เสียงให้กับตัวเอกในอนิเมชั่น 3D ชื่อดังอย่าง Despicable Me และ Over the Hedge ซึ่งนอกเหนือจากผลงานด้านการแสดงแล้ว เขายังมีอาชีพเป็นผู้เขียนบท และผู้กำกับอีกด้วย
          เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในปี 2015 สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากการพลิกบทบาทการแสดงของตัวเองในหนังเรื่อง Foxcatcher (เข้าฉายปี 2557) ผลงานการสร้างของ เบ็นเน็ต มิลเลอร์ ภาพยนตร์ดราม่าจากที่สร้างมาจากเรื่องจริงของโศกนาฏกรรมที่สั่นสะเทือนวงการกีฬามวยปล้ำ ซึ่งสตีฟรับบทเป็นมหาเศรษฐีเจ้าของทีมมวยปล้ำชื่อ Foxcatcher ผู้มีสภาพจิตไม่ปกติ นับเป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็นมืออาชีพด้านการแสดงของเขาได้เป็นอย่างดี

          -- แบรดลี คูเปอร์ (Bradley Cooper) เป็นนักแสดงชาวอเมริกันวัย 40 ปี มีผลงานภาพยนตร์ ละครเวที ละครโทรทัศน์ เป็นที่รู้จักจากบทบาท ฟิล เวนเนก ในภาพยนตร์เรื่อง The Hangover, บทวิล ทิปปิน จากซีรีส์ทางโทรทัศน์เรื่อง Alias, บทแซกคารี "แซก" ลอดจ์ ในภาพยนตร์ตลกเรื่อง Wedding Crashers, บทไอดาน สโตน ในซีรีส์ทางโทรทัศน์เรื่อง Nip/Tuck และบทโฮลเดน บริสทาว ในภาพยนตร์เรื่อง Valentine's Day คูเปอร์ยังจะแสดงในภาพยนตร์เรื่อง The A-Team
          ในเรื่อง American Cooper ซึ่งคูเปอร์ได้รับการเสนอชื่อในสาขานักแสดงนำชายในออสการ์ปีนี้ เขารับบทเป็น คริส ไคลน์ พลแม่นปืนระดับตำนานของสหรัฐเมริกา ความแม่นยำในการยิงระยะไกลของเขาได้ช่วยชีวิตเหล่าทหารอเมริกันในสมรภูมิรบมาแล้วอย่างนับไม่ถ้วน คริสถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตาย 4 ครั้งที่อิรัก จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของหน่วย SEAL และวลีที่ว่า "อย่าทิ้งใครไว้เบื้องหลัง"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ