การตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของจีนในเวทีโลก ขณะที่สะท้อนถึงความล้มเหลวทางการทูตของสหรัฐ หลังจากที่สหรัฐแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการมี AIIB โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปล็อบบี้ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในเอเชีย-แปซิฟิก เช่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลียไม่ให้เข้าร่วมกับจีนในการตั้ง AIIB โดยอ้างว่า สหรัฐยังไม่มั่นใจต่อความโปร่งใส และหลักธรรมาภิบาลของ AIIB
ขณะนี้มี 34 ประเทศที่แสดงความจำนงเป็นประเทศก่อตั้ง AIIB ซึ่งรวมถึงไทย โดยจีนกำหนดเงื่อนเวลาให้ประเทศต่างๆ ตอบรับเข้าเป็นสมาชิกก่อตั้ง AIIB ภายในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ขณะที่สมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง AIIB จะจัดการประชุมที่เมืองอัลมาตี ประเทศคาซัคสถานในวันที่ 29-31 มีนาคม เพื่อหารือถึงเนื้อหาต่างๆในข้อตกลง และคาดว่า AIIB จะเริ่มเปิดดำเนินการได้ภายในปลายปีนี้
นอกจากเกาหลีใต้ได้แสดงความจำนงเข้าร่วมก่อตั้ง AIIB แล้ว ไต้หวันก็มีท่าทีต้องการเข้าร่วมเป็นสมาชิกเช่นกัน
โดยแหล่งข่าวระบุว่า นายวินเซนต์ ซิว อดีตรองประธานาธิบดีไต้หวันจะพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในวันเสาร์นี้ และคาดว่านายซิวจะแสดงความจำนงของไต้หวันที่จะเข้าร่วมก่อตั้ง AIIB
ท่าทีของนายซิวดังกล่าวสอดคล้องกับความต้องการของรัฐบาลชุดปัจจุบันของไต้หวันที่นำโดยปธน.หม่า อิง-จิ่ว แต่เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างจีนและไต้หวัน จึงทำให้จีนยังไม่แสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะรับไต้หวันเข้าร่วม AIIB หรือไม่ ดังนั้นไต้หวันจะจับตาปฏิกริยาของจีนในการเจรจาวันเสาร์นี้
ทั้งนี้ นายซิวและปธน.สีจะพบปะกันนอกรอบการประชุม Boao Forum for Asia Annual Conference 2015 ในวันที่ 28 มี.ค.ที่เมืองโบ๋อ๋าว (Boao) มณฑลไห่หนานของจีน