ผลสำรวจกัลลัปชี้ชาวอเมริกันที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพมีจำนวนลดลง

ข่าวต่างประเทศ Wednesday June 22, 2016 12:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผลการสำรวจครั้งล่าสุดของกัลลัประบุว่า ภายใน 12 เดือนที่ผ่านมาชาวอเมริกันที่มีเงินไม่เพียงพอจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่ายานั้น มีจำนวนลดลงเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ โดยที่กัลลัปได้เริ่มเก็บข้อมูลดังกล่าวตั้งแต่ปีพ.ศ. 2551

ถึงแม้จะมีรายงานว่าชาวอเมริกัน 1 ใน 6 ไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่ายาในปีก่อน แต่อัตราดังกล่าวลดลงอย่างเห็นได้ชัดภายใน 3 ปีที่ผ่านมา

กัลลัประบุว่า การขยายหลักประกันสุภาพให้คลอบคลุมประชากรชาวอเมริกันอีกหลายล้านคน เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย Affordable Care Act หรือที่รู้จักกันในชื่อ โอบามาแคร์นั้น มีแนวโน้มที่จะส่งผลให้ปัญหาการเข้าไม่ถึงบริการสาธารณสุขลดน้อยลง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงข้อดีของกฏหมายฉบับนี้

ทั้งนี้ ปัญหาการเข้าไม่ถึงบริการสาธารณสุขในวัยผู้ใหญ่ของสหรัฐนั้นลดลงถึง 3.5% ในไตรมาสสุดท้ายของปีพ.ศ. 2556

จำนวนที่ลดลงของปัญหาการเข้าไม่ถึงบริการสาธารณสุขนั้นตรงกับอัตราส่วนที่ลดลงของชาวอเมริกันที่ไม่มีประกันสุขภาพ ซึ่งร่วงลงมาจาก 17.1% ในไตรมาสสุดท้ายของปีพ.ศ. 2556 ก่อนหน้าที่กฎหมาย Affordable Care Act ซึ่งกำหนดให้ทุกคนมีประกันสุขภาพนั้นมีผลบังคับใช้ อัตราดังกล่าวได้ร่วงลงสู่ 11% ในไตรมาสแรกของปีนี้

กัลลัปเผยว่า นับตั้งแต่ปีพ.ศ.2556 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่มีประกันสุขภาพและไม่มีประกันสุขภาพซึ่งไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลนั้น ปรับตัวลดลง โดยจำนวนที่ลดลงนั้นมาจากผู้ที่ไม่มีประกันสุขภาพเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งลดลงจาก 45% สู่ 41.8%

ขีดความสามารถที่เพิ่มขึ้นในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลของผู้ที่มีและไม่มีประกันสุขภาพนั้นแสดงให้เห็นถึงความเติบโตของเศรษฐกิจ

แต่ก็เป็นไปได้ว่าชาวอเมริกันรับภาระค่าใช้จ่ายในด้านอื่นๆน้อยลง อย่างเช่น ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานซึ่งส่งผลมาจากราคาน้ำมันที่ลดลง จึงทำให้ผู้คนมีเงินมากขึ้นที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้สอยอื่นๆ

หลังจากที่โอบามาแคร์ได้ผ่านเป็นกฎหมายเมื่อปีพ.ศ.2553 กฏหมายฉบับนี้ก่อให้เกิดข้อโต้แย้งต่างๆ โดยมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า การยกเครื่องระบบประกันสุขภาพครั้งนี้เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่ชนชั้นกลางต้องรับผิดชอบ ด้านผู้สนับสนุนจึงออกมาแย้งว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นการให้บริการด้านสุขภาพสำหรับผู้ที่ไม่มีเงินเพียงพอจะจ่าย

โดยคนชนชั้นกลางและชนชั้นที่สูงกว่ามีแนวโน้มที่จะเผชิญกับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่สูงขึ้น เนื่องจากพวกเขาต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายซึ่งเกิดมาจากการให้บริการด้านสุขภาพของบุคคลและครอบครัวที่มีรายได้น้อย

อย่างไรก็ตาม อนาคตของโอบามาแคร์ยังไม่เป็นที่แน่นอน ถึงแม้ศาลสูงสหรัฐจะลงมติสนับสนุนกฎหมายประกันสุขภาพดังกล่าวถึง 2 ครั้ง แต่โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคริพับลิกันออกมายืนยันว่า เขาจะยกเลิกกฎหมายดังกล่าวหากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี

รายงานของ Urban Institute ระบุว่า หากโอบามาแคร์ถูกยกเลิกภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่ ชาวอเมริกันกว่า 24 ล้านคนจะกลายเป็นผู้ที่ไม่มีประกันสุขภาพภายในปีพ.ศ.2564 สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ