สื่อออสเตรเลียรายงานว่า จำนวนผู้อพยพที่เดินทางเข้าสู่ออสเตรเลียได้ปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก หลังจากที่รัฐบาลออสเตรเลียออกมาตรการเข้มงวดเกี่ยวกับการให้วีซ่าแก่แรงงานที่มีทักษะ
เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลออสเตรเลียภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีมัลคอล์ม เทิร์นบูล ได้ยกเลิกและเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดในการออกวีซ่าอนุญาตให้ทำงานชั่วคราว หรือวีซ่า 457 ซึ่งอนุญาตให้ภาคธุรกิจสามารถว่าจ้างคนต่างด้าวให้เข้าทำงานในสายงานที่ยังขาดแคลนในกลุ่มชาวออสเตรเลีย
นายบ็อบ เบอร์เรล ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิจัยประชากรออสเตรเลียเปิดเผยว่า โดยปกติแล้วจะมีผู้คนอพยพเข้าออสเตรเลียปีละประมาณ 200,000 คน แต่ตัวเลขดังกล่าวอาจลดลงหลายหมื่นคน เมื่อมีการเปลี่ยนเงื่อนไขวีซ่า 457
สำหรับข้อกำหนดใหม่นั้น แรงงานต่างด้าวที่ต้องการจะเข้าไปทำงานในออสเตรเลียจะต้องมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสายงานเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี ก่อนที่จะเข้ามาทำงานในออสเตรเลีย ในขณะเดียวกันก็มีข้อกำหนดให้นายจ้างเป็นผู้จ่ายภาษีสำหรับการฝึกอบรม
นายเบอร์เรลเปิดเผยกับสื่อออสเตรเลียว่า "ที่ผ่านมา ภาคธุรกิจสามารถดำเนินการว่าจ้างได้อย่างอิสระมาเป็นเวลามากกว่า 20 ปี และสามารถนำเข้าพนักงานหรือให้เงินสนับสนุนพนักงานต่างชาติได้มากตามที่พอใจ แต่ข้อกำหนดใหม่นี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะมีความเข้มงวดมากขึ้นและลดแรงจูงใจในการจ้างแรงงานต่างด้าว" นายเบอร์เรลกล่าว
นายเบอร์เรลกล่าวอีกว่า "ภาคธุรกิจยังไม่มีท่าทีตื่นตัวต่อข้อมูลที่บ่งชี้ว่า จำนวนแรงงานต่างด้าวที่พวกเขาสามารถสนับสนุนการขอวีซ่าถาวรให้นั้น จะลดลงถึง 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับปัจจุบัน"
ทางด้านนายกรัฐมนตรีเทิร์นบูลได้กล่าวถึงการเปลี่ยนข้อกำหนดว่า เป็นการบังคับให้ภาคธุรกิจของออสเตรเลียให้ความสำคัญกับแรงงานในประเทศมากกว่า อีกทั้งยังมีการนำเสนอให้กำหนดมาตรฐานเพื่อยกระดับทักษะภาษาอังกฤษสำหรับแรงงานต่างด้าว