จีนมีแนวโน้มเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในตลาดตราสารหนี้ซึ่งมีมูลค่า 13 ล้านล้านดอลลาร์ ในปีนี้ โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐบาลจีนในการคุมเข้มหนี้สิน
รายงานระบุว่า บริษัทจีนผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ในประเทศ 3.92 หมื่นล้านหยวน (5.8 พันล้านดอลลาร์) ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2562 ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.4 เท่าจากยอดรวมทั้งหมดของช่วงเดียวกันของปี 2561 และมากกว่า 3 เท่าจากระดับของปี 2559 เมื่อการผิดนัดชำระหนี้กระจุกตัวอยู่ในช่วงครึ่งปีแรกมากกว่า ซึ่งไม่เหมือนกับในปี 2561
ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า มีแนวโน้มชัดเจนว่ายอดการผิดนัดชำระหนี้ในปีนี้จะเป็นระดับสูงสุดใหม่ นอกเสียจากว่าจะมีปัจจัยบางประการเปลี่ยนแปลงไป
จีนยังคงกดดันธนาคารพาณิชย์ให้ปล่อยสินเชื่อให้กับภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม โดยล่าสุด ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ให้กับธนาคารขนาดกลางและขนาดย่อมบางราย โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. เป็นต้นไป แต่คณะทำงานของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก็ได้ให้ความสำคัญกับการลดระบบธนาคารเงาด้วย เนื่องจากมีการควบคุมด้านกฏระเบียบน้อยและเป็นแหล่งเงินกู้ที่ทำให้มีการสร้างหนี้สินเพิ่มขึ้นอย่างง่ายดาย
ภาวะการระดมทุนที่ตึงตัวทำให้การผิดนัดชำระหนี้ในจีนพุ่งขึ้นโดยเริ่มในช่วงปลายปี 2560 และยังคงดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งตรงข้ามกับในปี 2559 ที่จีนผลักดันการปรับลดกำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมส่วนเกิน ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบอย่างมากต่อตลาดสินเชื่อ