ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่สุดของสหรัฐเปิดเผยว่า ทางบริษัทยังไม่มีข้อมูลจากการทดลองวัคซีนต้านโรคโควิด-19 เฟสสุดท้ายซึ่งกำลังพัฒนาร่วมกับบริษัท BioNTech ของเยอรมนี และคาดว่าจะยังไม่เปิดเผยผลการทดลองวัคซีนดังกล่าวก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย.นี้
ไฟเซอร์ระบุว่า ในบรรดาอาสาสมัครจำนวน 44,000 คนที่เข้าร่วมการทดลองวัคซีนนั้น มีผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนไม่มากพอที่จะนำไปสู่การวิเคราะห์ว่า วัคซีนใช้ได้ผลหรือไม่
ก่อนหน้านี้ นายอัลเบิร์ต บอร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไฟเซอร์กล่าวว่า ไฟเซอร์จะสามารถเปิดเผยข้อมูลได้อย่างเร็วที่สุดในเดือนนี้ว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทใช้ได้ผลหรือไม่
"สำหรับเราแล้ว การเลือกตั้งในสหรัฐไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริง วัคซีนนี้ไม่ใช่ของพรรครีพับลิกันหรือพรรคเดโมแครต แต่เป็นวัคซีนของประชาชนทั่วโลก" นายบอร์ลากล่าว
ทั้งนี้ ไฟเซอร์คาดหวังที่จะเป็นบริษัทยารายแรกของสหรัฐที่จะเปิดเผยข้อมูลความสำเร็จในการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ทางคลินิกได้ก่อนบริษัทคู่แข่งอย่างโมเดอร์นา โดยไฟเซอร์ และ BioNtech เริ่มทำการทดลองวัคซีนโควิด-19 เฟสที่ 3 ในช่วงปลายเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
ถ้อยแถลงดังกล่าวของไฟเซอร์เกิดขึ้นหลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ในวันอังคารตามเวลาสหรัฐ โดยระบุว่า บริษัทมีกำไร 72 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 70 เซนต์/หุ้น แต่บริษัทมีรายได้ 1.213 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.231 หมื่นล้านดอลลาร์
ไฟเซอร์ระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้บริษัทราว 500 ล้านดอลลาร์ จากอุปสงค์ที่ลดลงในจีน ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เป็นอุปสรรคทำให้ชาวสหรัฐเดินทางไปพบแพทย์น้อยลง