รัฐควีนส์แลนด์ของออสเตรเลียเตือนว่า การล็อกดาวน์เมืองบริสเบนซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐควีนส์แลนด์อาจจะยืดเยื้อออกไปจากวันอาทิตย์นี้ (8 ส.ค.) หากประชาชนไม่ดำเนินการตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวด ขณะที่ล่าสุดในวันนี้ รัฐควีนส์แลนด์พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มอีก 16 ราย โดยในจำนวนนี้มี 7 รายที่พบในโรงเรียน 3 แห่ง
การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้รัฐควีนส์แลนด์ ซึ่งรวมถึงเมืองบริสเบนและภูมิภาคใกล้เคียง ต้องประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดครั้งใหญ่สุดในรอบกว่า 1 ปี
นายสตีเวน ไมล์ส รองผู้ว่าการรัฐควีนส์แลนด์ได้เรียกร้องให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการออกไปจับจ่ายซื้อของโดยไม่จำเป็น และขอให้อยู่แต่ภายในบ้าน
"ทุกครั้งที่มีคนออกจากบ้าน ควมเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นด้วย และอาจทำให้การล็อกดาวน์ต้องกินเวลานานขึ้น นี่ไม่ใช่เวลาที่จะออกไปซื้อเฟอร์นิเจอร์นอกบ้าน เรายังมีเวลาอีกมากก่อนถึงช่วงฤดูร้อนในการออกไปรับแดด" นายไมล์สกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่เมืองบริสเบน
เจ้าหน้าที่กังวลว่า ไวรัสโควิด-19 อาจจะแพร่ระบาดไปจนถึงเมืองแคนส์ ซึ่งอยู่จากเมืองบริสเบนไปทางเหนือประมาณ 1,700 กิโลเมตร หลังจากกัปตันเรือลำหนึ่งที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา
ออสเตรเลียประกาศขยายระยะเวลามาตรการควบคุมโควิด-19 ในเมืองบริสเบน รัฐควีนส์แลนด์ พร้อมกับเตรียมส่งทหารออสเตรเลียลาดตระเวณในพื้นที่เมืองซิดนีย์ เพื่อจำกัดให้ประชาชนอยู่ในบริเวณบ้านพักอาศัยตามข้อกำหนด หลังจากออสเตรเลียยังคงประสบปัญหาในการควบคุมเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาซึ่งแพร่กระจายได้ง่าย
ทั้งนี้ มาตรการล็อกดาวน์ในบริสเบนซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของออสเตรเลียนั้น จะขยายเวลาไปจนถึงวันอาทิตย์นี้ (8 ส.ค.) จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดเมื่อวานนี้ (3 ส.ค.)
จำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นในเมืองใหญ่ของออสเตรเลียทั้งสองแห่งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อนายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียถึงวิธีการรับมือการแพร่ระบาด แม้นายมอร์ริสันให้คำมั่นว่าจะมีการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์น้อยลงก็ต่อเมื่อออสเตรเลียสามารถระดมฉีดวัคซีนได้ถึง 70% ของประชากรวัย 16 ปีขึ้นไปทั้งหมด
ปัจจุบันอัตราการฉีดวัคซีนของออสเตรเลียอยู่ที่ระดับเพียง 19% โดยนายมอร์ริสันคาดว่า จะสามารถระดมฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมายภายในช่วงปลายปีนี้