ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเรียกร้องเมื่อวันศุกร์ (27 ม.ค.) ให้ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงโรคโควิด-19 หลังจากสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐถอนการอนุญาตใช้วัคซีนอีวูชิลด์ (Evusheld) เนื่องจากไม่สามารถป้องกันไวรัสโควิดสายพันธุ์หลักที่กำลังแพร่ระบาดในสหรัฐ
CDC ระบุว่า มาตรการป้องกันรวมถึงการสวมหน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพสูง และการเว้นระยะห่างทางสังคมเมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงพื้นที่ในร่มที่มีผู้คนพลุกพล่านได้
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า CDC ออกคำแนะนำดังกล่าว หลัง FDA ถอนการอนุญาตใช้วัคซีนอีวูชิลด์ซึ่งเป็นแอนติบอดีสำเร็จรูปที่ผลิตโดยบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า เนื่องจากวัคซีนอีวูชีลด์ไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดคิดเป็นสัดส่วน 95% ในสหรัฐ ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์ย่อย XBB ที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อใหม่ราว 64% และสายพันธุ์ BQ ซึ่งทำให้มีผู้ติดเชื้อโควิดราว 31%
แม้ว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่จะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ในขณะที่การแพร่ระบาดของโรคโควิดได้ลดลง แต่ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอยังคงมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคร้ายแรง เนื่องจากพวกเขาไม่ตอบสนองต่อวัคซีนในระดับที่แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม CDC ระบุว่า ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอจะต้องได้รับวัคซีนป้องกันโควิดอยู่เสมอโดยการฉีดวัคซีนเข้มกระตุ้นเพื่อป้องกันโควิดสายพันธุ์โอมิครอน เนื่องจากการฉีดวัคซีนสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงได้
CDC ระบุว่า หากผู้ใดมีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและมีอาการของโรคโควิด ก็ควรเข้ารับการตรวจโดยเร็วที่สุด และรับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสภายใน 5-7 วัน