"มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก" รวยแซงหน้าคู่ปรับอย่าง "อีลอน มัสก์" เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี

ข่าวต่างประเทศ Saturday April 6, 2024 13:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานและซีอีโอของบริษัทเมตา แพลตฟอร์ม รวยแซงหน้านายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัทเทสลาเมื่อวันศุกร์ (5 เม.ย.) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563 โดยนายซักเคอร์เบิร์กกลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับสามของโลก

นายมัสก์ซึ่งครองอันดับหนึ่งในดัชนี Bloomberg Billionaires Index (BBI) เมื่อต้นเดือนมี.ค. ลดลงมาอยู่ที่อันดับ 4 หลังจากสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บริษัทเทสลา อิงค์ ได้ยกเลิกแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก ส่งผลให้ราคาหุ้นเทสลาร่วงลง ซึ่งนายมัสก์ปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว หลังจากเมื่อต้นสัปดาห์เพิ่งมีรายงานว่าการส่งมอบรถยนต์ของเทสลาลดลงในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกเมื่อเทียบเป็นรายปีนับตั้งแต่เริ่มการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ความมั่งคั่งของนายมัสก์ลดลง 4.84 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ ขณะที่นายซักเคอร์เบิร์กมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น 5.89 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังหุ้นเมตา แพลตฟอร์มไต่ขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่ รวมถึงทำสถิติใหม่เมื่อวันศุกร์ด้วย

นายซักเคอร์เบิร์กรวยเพิ่มขึ้นติดอันดับ 1 ใน 3 คนรวยที่สุดของดัชนี BBI โดยมีมูลค่าความรวยในขณะนี้ที่ 1.869 แสนล้านดอลลาร์ แซงหน้ามูลค่าความรวยของนายมัสก์ที่ 1.806 แสนล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ นายซักเคอร์เบิร์กรวยแซงหน้านายมัสก์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. 2563 ซึ่งในวันนั้น นายซักเคอร์เบิร์กมีความมั่งคั่งรวม 1.056 แสนล้านดอลลาร์ มากกว่าความรวยของนายมัสก์ซึ่งอยู่ที่ 1.021 แสนล้านดอลลาร์

ราคาหุ้นเทสลาร่วงลง 34% แล้วในปีนี้ และเป็นหุ้นที่ปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในดัชนี S&P500 โดยได้รับผลกระทบจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ชะลอตัวทั่วโลก, การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในจีน และปัญหาด้านการผลิตในเยอรมนี

ราคาหุ้นเมตาพุ่งขึ้น 49% เนื่องจากมีผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่ง และมีความตื่นเต้นเกี่ยวกับโครงการริเริ่มด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของบริษัท โดยเมตาเป็นหุ้นที่ปรับตัวได้ดีที่สุดอันดับ 5 ในดัชนี S&P500

ส่วนคนรวยที่สุดอันดับ 1 และ 2 ของ BBI ได้แก่นายเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ประธานบริษัทแอลวีเอ็มเอช โมเอต์ เฮนเนสซี่ หลุยส์ วิตตอง (LVMH) โดยมีมูลค่าความรวย 2.234 แสนล้านดอลลาร์ และนายเจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งอะเมซอน.คอม รวยตามมาเป็นอันดับ 2 ที่ 2.073 แสนล้านดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ