ป๊อปมาร์ท (Pop Mart) ผู้ผลิตตุ๊กตาลาบูบู้ (Labubu) สุดฮอตที่ล่าสุดสามารถสร้างกระแสทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา รายงานตัวเลขกำไรในช่วงครึ่งปีแรกที่พุ่งขึ้นเกือบ 400% เนื่องจากดีมานด์ลาบูบู้ที่สูงขึ้นทั้งในเอเชีย สหรัฐอเมริกา และยุโรป
กำไรสุทธิของป๊อปมาร์ท เพิ่มขึ้น 396.5% และรายได้เพิ่มขึ้น 204.4% สูงกว่าตัวเลขที่บริษัทได้คาดการณ์การเติบโตของรายได้ไว้ที่ 200% และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 350% เมื่อเทียบกับปีก่อน
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลาบูบู้สามารถกระชากใจและสร้างฐานแฟนคลับในฝั่งตะวันตกหลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในเอเชียได้ก็คือ ความนิยมในหมู่ดาราและเซเลบ ไม่ว่าจะเป็นลิซ่าที่ล่าสุดสวมชุดลาบูบู้สีชมพูขึ้นเวทีคอนเสิร์ตที่ลอนดอนเมื่อเร็ว ๆ นี้ หรือริฮานน่า นักร้องตัวแม่วงการป๊อป หรือแม้แต่เดวิด เบคแฮม อดีตนักฟุตบอลชื่อดังของอังกฤษต่างก็มีลาบูบู้เป็นของตัวเอง
รวมถึงมาดอนนา ดีว่าตลอดกาลแห่งวงการเพลงแดนซ์ที่ฉลองวันเกิดครบ 67 ปีในอิตาลี พร้อมดินเนอร์ ดอกไม้ไฟ และเค้กรูปลาบูบู้สีชมพูขนาดใหญ่ในเอาต์ฟิตเสื้อชั้นในรูปกรวยที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอพร้อมข้อความว่า 'Happy birthday Madudu' เรียกได้ว่า มาดอนนายังคงตามทันเทรนด์ของเจน Z
หวาง หนิง ซีอีโอของป๊อปมาร์ทเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อจีนเมื่อเดือนที่แล้วว่า ยอดขายลาบูบู้มีแนวโน้มว่าจะสูงกว่า 10 ล้านชิ้นต่อวันตั้งแต่เดือนกันยายน 2568
นอกจากลาบูบู้แล้ว "มอลลี่" (Molly) และ "ครายเบบี้" (Crybaby) ก็เป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยทำรายได้ให้กับป๊อปมาร์ท ป๊อปมาร์ทได้จัดประเภทของลาบูบู้ภายใต้ตัวละครทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ว่า "The Monsters" โดย "The Monsters" ทำรายได้ 4.81 พันล้านหยวน (669.88 ล้านดอลลาร์) ในครึ่งแรกของปี คิดเป็น 34.7% ของรายได้รวม ส่วน IP อีก 4 ตัว รวมถึงอาร์ตทอยชื่อดังอย่าง "มอลลี่" และ "ครายเบบี้" ที่สามารถทำรายได้สูงกว่า 1 พันล้านหยวนในช่วงเวลาเดียวกัน
ปัจจุบันป๊อปมาร์ทมีร้านค้า 571 แห่ง ซึ่งเพิ่มขึ้น 40 แห่งในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และร้านค้าหุ่นยนต์อัตโนมัติ 2,597 แห่งใน 18 ประเทศและภูมิภาค
*ลาบูบู้กับบทบาทไอคอนของ "เศรษฐกิจทรัพย์สินทางปัญญา"
เศรษฐกิจทรัพย์สินทางปัญญา (IP Economy) หมายถึงกระบวนการแปลงสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่ไม่มีตัวตน เช่น เรื่องราว ตัวละคร และแบรนด์ ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ที่ครอบคลุมภาพยนตร์และโทรทัศน์ เกม แอนิเมชัน งานสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรม สินค้าอุปโภคบริโภค และสาขาอื่น ๆ อีกมากมาย
ลาบูบู้ถือเป็นไอคอนของเศรษฐกิจ IP ของจีนที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วจากปรากฏการณ์ป๊อปคัลเจอร์สู่ของสะสมที่ทำกำไรได้สูง สิ่งที่ทำให้โลกตกตะลึงเมื่อเร็ว ๆ นี้คือ ลาบูบู้สีเขียวมิ้นต์ที่สามารถขายได้ในราคาสูงกว่า 1 ล้านหยวน (ประมาณ 139,794 ดอลลาร์สหรัฐ) ในการประมูลที่ปักกิ่ง ด้วยแรงหนุนจากความต้องการที่แข็งแกร่ง
หง เท่า รองประธานสมาคมเศรษฐศาสตร์ผู้บริโภคจีน มองว่า การส่งเสริมการรวมตัวกันของอุตสาหกรรมที่มี IP ดั้งเดิมเป็นศูนย์กลางทำให้จีนอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมซึ่งครอบคลุมวรรณกรรมออนไลน์ ภาพยนตร์และโทรทัศน์ เกม และผลิตภัณฑ์อนุพันธ์
"รูปแบบการพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่ครบวงจรนี้สามารถขยายขอบเขตการนำทรัพย์สินทางปัญญาไปใช้ในหลายรูปแบบ และช่วยเชื่อมต่อโลกดิจิทัลกับชีวิตจริง ทำให้เกิดมูลค่าทางธุรกิจและผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น" หง กล่าวเหล่านักวิเคราะห์แนะนำว่า จีนควรสนับสนุนให้ทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุตสาหกรรมสามารถทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง โดยการนำ IP ต่าง ๆ มาผนวกรวมกันและพัฒนาอย่างเป็นระบบภายใต้การประสานงานกัน
*ความสำเร็จของการต่อยอดธุรกิจสู่สวนสนุกที่สร้างรายได้ฉ่ำ ๆ
ผู้บริหารของป๊อปมาร์ทมองถึงโอกาสที่สดใสของอาร์ตทอยในเครือที่จะได้ปรากฏตัวในภาพยนตร์แอนิเมชันและสถานที่ท่องเที่ยวอย่างสวนสนุก และกำลังสำรวจแนวทางการขยายตลาดเพิ่มเติมไปยังตลาดเกิดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง ยุโรปกลาง รวมถึงอเมริกากลางและอเมริกาใต้
โอกาสทางธุรกิจของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีสวนสนุกของป๊อปมาร์ทก็เป็นอีกหนทางที่สร้างรายได้จากฐานแฟนคลับที่แน่นปึ้ก การเปิดตัว POPLAND หรือที่เรียกว่า Pop Mart City Park ด้วยไอพีที่ได้รับความนิยมอย่างลาบูบู้ได้ทำให้ลาบูบู้ที่ตั้งอยู่ในสวนเฉาหยาง กรุงปักกิ่ง สามารถดันยอดจองที่พักของสวนสนุกเมื่อเดือนมิถุนายน 2568 เพิ่มขึ้นถึง 6 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
หลิน หวนเจี๋ย หัวหน้าสถาบันศึกษาสวนสนุกแห่งประเทศจีน กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า สวนสนุกขนาดใหญ่หลายแห่งจะทยอยเปิด โดยมีการนำเสนอไอพีและอาร์ตทอยจากแอนิเมชัน ภาพยนตร์ และวัฒนธรรม
หลินกล่าวเพิ่มเติมว่า สวนสนุกใหม่ ๆ เหล่านี้จะช่วยส่งเสริมความหลากหลายให้กับการจัดหาผลิตภัณฑ์มานำเสนอในตลาดสวนสนุกภายในประเทศ ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายมากขึ้นของผู้บริโภค และขับเคลื่อนเศรษฐกิจสวนสนุกสู่การพัฒนาในระดับที่สูงขึ้น
หลินกล่าวว่า ด้วยการขับเคลื่อนจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความต้องการของตลาด ธุรกิจสวนสนุกของจีนคาดว่าจะขยายตัว โดยเสนอบริการที่มีคุณภาพสูงขึ้นและนวัตกรรมที่แข็งแกร่งขึ้นในอนาคต
ตามข้อมูลจากสถาบันศึกษาสวนสนุกแห่งประเทศจีน ทุก 1 หยวน (14 เซนต์สหรัฐ) ที่สวนสนุกหาได้สามารถสร้างรายได้ให้กับเมือง 3.8 หยวน และขับเคลื่อนรายได้ 6 ถึง 15 หยวนสำหรับอุตสาหกรรมต้นน้ำและปลายน้ำ
ข้อมูลจากสถาบันศึกษาสวนสนุก แสดงให้เห็นว่า ณ เดือนตุลาคม 2567 มีสวนสนุกทั้งหมด 385 แห่งทั่วประเทศจีน ในปี 2566 สวนสนุกที่สำคัญ 86 แห่งในจีนมีผู้เข้าเยี่ยมชม 130 ล้านคน และสร้างรายได้มากกว่า 3 หมื่นล้านหยวน คิดเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้น 71.84% และ 97.86% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าตามลำดับ ด้วยขนาดตลาดที่ใหญ่เช่นนี้ จีนจึงกลายเป็นโลเคชันที่ดีสำหรับการลงทุนสวนสนุกระดับโลก
ทั้งนี้ ป๊อปมาร์ทเริ่มจำหน่ายอาร์ตทอยในต่างประเทศประมาณปี 2561 ผ่านช่องทางออนไลน์และการส่งออก บริษัทเปิดร้านแห่งแรกในต่างประเทศเมื่อปี 2563 ที่กรุงโซล เกาหลีใต้
หวาง หนิง กล่าวด้วยว่า เขาคาดหวังว่ารายได้ของป๊อปมาร์ทจากต่างประเทศจะสูงกว่ารายได้ภายในประเทศภายในสิ้นปี 2568
*รายได้ในตลาดอเมริกาและยุโรปพุ่ง
ป๊อปมาร์ทสามารถพัฒนาธุรกิจจนทำให้บริษัทเป็นผู้ผลิตของเล่นที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกและเป็นผู้ส่งออกซอฟต์พาวเวอร์ของจีน หลังจากที่ปรากฏการณ์ระดับโลกของอาร์ตทอยอย่างลาบูบู้ทำให้รายได้จากต่างประเทศพุ่งสูงขึ้น 5 เท่าในช่วงครึ่งปีแรก
รายได้จากออนไลน์และร้านค้านอกจีนเพิ่มขึ้นเป็น 5.59 หมื่นล้านหยวน (778 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วง 6 เดือนแรก คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 40 ของยอดขายรวมในช่วงครึ่งปีของกลุ่มบริษัท จำนวน 1.388 แสนล้านหยวน ซึ่งสูงกว่าการประมาณการของนักวิเคราะห์
อเมริกาเหนือและใต้เป็นตลาดต่างประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับสองสำหรับป๊อปมาร์ท โดยรายได้ในอเมริกาเหนือและใต้เพิ่มขึ้นมากกว่าสิบเท่าเป็น 2.3 หมื่นล้านหยวน เป็นรองก็แค่เอเชียแปซิฟิกเท่านั้น โดยยอดขายในอเมริกาเหนือและใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 258 เป็น 2.85 หมื่นล้านหยวน ส่วนตลาดยุโรปเพิ่มขึ้น 7 เท่าเป็น 4.777 พันล้านหยวน
ความนิยมที่สูงขึ้นของป๊อปมาร์ทได้ท้าทายเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของจีนและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ซบเซาด้วยการเสนอความสุขในราคาที่เอื้อมถึง บริษัทได้กลายเป็นตัวแทนของสิ่งที่หลายคนเรียกว่า "คุณค่าทางอารมณ์" ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปีที่แล้ว โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ที่เผชิญกับแนวโน้มการจ้างงานที่ไม่แน่นอนและการแข่งขันที่รุนแรง ซึ่งมักมีการเปรียบเทียบกับวัฒนธรรม Kawaii ที่ได้รับความนิยมโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่แนวคิดเรื่อง "ความน่ารัก" ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษ 1990
*เพราะการสะสมตุ๊กตาสร้างความสุขและฮีลใจ
ทำไมอาร์ตทอยอย่างลาบูบู้ที่แม้จะมีราคาสูง แต่ก็สามารถสร้างกระแสแห่งความคลั่งไคล้ไปทั่วโลกได้ คริสติน่า ซุง จากชาแนลนิวส์ เอเชียระบุว่า ความตื่นเต้นของการไล่ล่ากล่องสุ่มลาบูบู้และความสุขที่ได้มีการแชร์ร่วมกันเป็นเสน่ห์ที่สร้างความเบิกบานใจให้กับเหล่าแฟนคลับที่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใหญ่ และความเบิกบานใจนี้เองที่สามารถเชื่อมโยงกัน อย่างเวลาที่เราเจอแฟนคลับด้วยกันได้อาร์ตทอยที่ตัวเองอยากได้ คนในร้านและแม้แต่พนักงานก็จะช่วยกันลุ้นและเชียร์ไปด้วย เหมือนกับการเชียร์และดูบอลด้วยกันอย่างไรอย่างนั้น
แม้ว่า จะมีการนำอาร์ตทอยมาขายต่อและสามารถสร้างรายได้จนเกิดเป็นอาชีพขายต่ออาร์ตทอย แต่เหล่าแฟนคลับและนักสะสมที่ซื้อตุ๊กตาและอาร์ตทอยเพราะรักและจะยังคงทะนุถนอมน้องต่อไป เพราะคุณค่าที่แท้จริงและยั่งยืนของอาร์ตทอยอยู่ที่อารมณ์ที่ปลุกเร้าในตัวเราไม่ว่าจะเป็นความสุข ความตื่นเต้น และความประทับใจ