In Focusปิดตำนาน 178 ปี "โทมัส คุก" เซ่นพิษ Brexit และสมรภูมิ Digital Disruption

ข่าวต่างประเทศ Wednesday September 25, 2019 13:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ในช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา คงไม่มีข่าวใดน่าตกใจมากไปกว่าข่าวการล้มละลายของบริษัท โทมัส คุก ผู้ประกอบการสายการบินและการท่องเที่ยวยักษ์ใหญ่ของอังกฤษที่มีอายุยืนยาวถึง 178 ปี โทมัส คุก ได้ยื่นปิดกิจการและขอพิทักษ์ทรัพย์สินต่อศาลสูงของอังกฤษในคืนวันอาทิตย์ที่ 22 ก.ย.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งทำให้การล้มละลายมีผลในทันทีเมื่อเข้าสู่รุ่งอรุณของวันจันทร์ที่ 23 ก.ย. ซึ่งเป็นวันทำการวันแรกของสัปดาห์

การประกาศล้มละลายของโทมัส คุก ได้สร้างความโกลาหลไปทั่วโลก เนื่องจากลูกค้าของโทมัส คุก ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางในต่างประเทศจำนวนกว่า 6 แสนคนต้องถูกลอยแพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ที่กำลังพักอยู่ในโรงแรมก็ไม่สามารถเช็คเอาท์ได้ เพราะโทมัส คุก ยังไม่ได้จ่ายค่าโรงแรมให้ ส่วนลูกค้าที่จองแพคเกจล่วงหน้าเอาไว้ก็ไม่สามารถเดินทางตามแผนได้ เรียกได้ว่า "จะกลับก็ไม่ได้ จะไปก็ไม่ถึง" ... แต่น่าเห็นใจมากที่สุดคือ จะมีคนตกงานนับแสนคน ทั้งพนักงาน ซัพพลายเออร์ และตัวแทนธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งเป็นเครือข่ายของโทมัส คุก ที่ต้องปิดตัวอีกนับพันราย

*โทมัส คุก ตำนานธุรกิจท่องเที่ยวที่รอดจากสงครามโลก แต่กลับพ่ายแพ้ในสมรภูมิ "Digital Disruption"

ย้อนไปเมื่อปีค.ศ. 1841 นายโทมัส คุก นักธุรกิจชาวอังกฤษได้บุกเบิกธุรกิจการเดินทางท่องเที่ยว ด้วยการจัดตั้งองค์กรธุรกิจการเดินทางขึ้นเป็นครั้งแรก โดยในปีนั้น เขาได้จัดทริปการเดินทางด้วยรถไฟแบบไป-กลับ จากเมืองเลสเตอร์ไปยังเมืองลัฟโบโร เป็นระยะทาง 22 ไมล์ โดยมีเป้าหมายที่จะให้ลูกทัวร์ได้เดินทางไปร่วมประชุมต่อต้านสิ่งมอมเมา (Temperance Convention) ในปีเดียวกันนั้นเอง โทมัส คุก ยังฉายแววการเป็นนักเจรจาต่อรอง ด้วยการเจรจากับเจ้าของกิจการรถไฟเพื่อขอลดราคาตั๋วเดินทางสำหรับประชาชนกว่า 500 คนที่จะไปร่วมทริปประชุมที่เมืองเลสเตอร์ จนปิดดีลด้วยราคาตั๋วไป-กลับระหว่างเมืองลัฟโบโรและเลสเตอร์ ด้วยราคาเพียงคนละ 1 ชิลลิ่ง ความสำเร็จในการจัดทริปครั้งนั้น ทำให้โทมัส คุก เห็นโอกาสทางธุรกิจ จึงได้ตัดสินใจจัดตั้งบริษัทนำเที่ยวในปีค.ศ. 1845 ซึ่งมีชื่อว่า "คุกทัวร์" (Cook's Tours) นับเป็นการเปิดศักราชแห่งการท่องเที่ยวแบบหมู่คณะ โดยโปรแกรมแรกที่นำเสนอกับลูกค้าคือ การนำเที่ยวทางรถไฟจากเมืองเลสเตอร์ไปยังลิเวอร์พูล

ในช่วงแรก โทมัส คุก ทำหน้าที่นำเที่ยวด้วยตัวเอง โดยอาศัยประสบการณ์ในการจัดกิจกรรมต่างๆ จึงรู้ว่าจะบริการอย่างไรให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ อาจกล่าวได้ว่า คุกเป็นผู้ให้กำเนิดอาชีพมัคคุเทศก์ หรือไกด์นำเที่ยวผู้รอบรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว และคอยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า

กิจการของบริษัท โทมัส คุก เจริญก้าวหน้าตามลำดับ ผ่านยุคสมัยของการพัฒนาด้านยานพาหนะและเส้นทางคมนาคม กระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ. 1939-1945) เมื่อโลกเข้าสู่ความสงบ และเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ธุรกิจของโทมัส คุก ก็สยายปีกสู่การสร้างเครือข่ายการเดินทางท่องเที่ยวเป็นวงกว้าง จนนำไปสู่การเป็นตำนานของธุรกิจท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก

แต่เมื่อโลกหมุนไปอย่างไม่หยุดยั้ง และสรรพสิ่งก็เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เมื่อโลกเข้าสู่ยุค Digital อย่างเต็มรูปแบบ ภาวะ "Digital Disruption" ถาโถมเข้ามา แทบจะทุกสิ่งที่เคยเป็น Manual ในยุคที่นักท่องเที่ยวเคยจองแพคเกจทัวร์และเดินตามมัคคุเทศก์เพื่อไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ กลับกลายมาเป็นยุคที่นักท่องเที่ยวสามารถจองที่พักเองได้ทางออนไลน์ซึ่งเต็มไปด้วยตัวเลือกมากมาย แถมไม่ต้องกลัวหลงทางเพราะมี Google Map และ GPS ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ เรียกได้ว่า จะกินจะเที่ยวม้วนเดียวจบบนมือถือ

การแข่งขันที่ดุเดือดในธุรกิจออนไลน์ และตลาดท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ โทมัส คุก เผชิญกับความยากลำบากในการปรับตัวในยุคดิจิทัล ส่งผลให้กิจการของบริษัทชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ปัญหาส่วนหนึ่งของโทมัส คุก คือ บริษัทมีการตอบสนองที่เชื่องช้าต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด ประกอบกับการบริหารจัดการที่ผิดพลาดมาเป็นเวลานับสิบปี โดยโทมัส คุก ยังคงมีหน้าร้านกว่า 500 แห่งในอังกฤษ ซึ่งยากที่จะแข่งขันกับร้านค้าออนไลน์ที่มีต้นทุนที่ต่ำกว่า

นอกเหนือไปจากการปรับตัวเพื่อรับมือกับภาวะ Digital Disruption แล้ว โทมัส คุก ยังเผชิญกับผลกระทบจากการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) เพราะนับตั้งแต่การลงประชามติ Brexit ค่าเงินปอนด์ก็ดิ่งเหวแบบฉุดไม่อยู่ และสร้างภาระหนี้จำนวนมหาศาลให้โทมัส คุก เนื่องจากต้นทุนค่าใช้จ่ายในอุตสาหกรรมการเดินทางท่องเที่ยวนั้น อยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนในการเช่าเครื่องบิน และต้นทุนอื่นๆ เรียกได้ว่า ยิ่งเงินปอนด์อ่อนลงมากเท่าไหร่ ต้นทุนทุกอย่างก็สูงขึ้นมากเท่านั้น

ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า หากเงินปอนด์อ่อนค่าลงประมาณ 20% อำนาจในการใช้จ่ายของนักเดินทางในอังกฤษก็จะลดลงตามไปด้วย จึงทำให้นักเดินทางเหล่านี้เรียกร้องดีลที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง ดังนั้น ผลประกอบการของโทมัส คุก ในฐานะผู้ขายเที่ยวบินและห้องพักโรงแรม จึงถูกกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นอกจากนี้ ปัญหาคลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมหลายประเทศในยุโรป ยังทำให้ลูกค้าจำนวนมากชะลอแผนการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุด โดยเฉพาะอุณหภูมิในฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์ที่พุ่งขึ้นสูงกว่า 40 องศาเซลเซียสในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับที่นักอุตุนิยมวิทยามองว่าเป็นภัยต่อสุขภาพ

* ปิดตำนาน 178 ปี โทมัส คุก หลังคว้าน้ำเหลวระดมเงินทุน-รัฐบาลเมินช่วยกู้วิกฤติ

ปีเตอร์ แฟงค์ฮาวเซอร์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารของโทมัส คุก ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษต่อผู้ที่ได้รับความเสียหายทันทีที่บริษัทประกาศล้มละลายในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 23 ก.ย. เขากล่าวว่า ทางบริษัทประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก และไม่สามารถระดมทุนจากเอกชนเข้ามาต่อยอดธุรกิจให้เดินหน้าต่อไปได้

แฟงค์ฮาวเซอร์ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมกับชี้แจงว่า บริษัทจำเป็นต้องระดมเงินสดให้ได้ 200 ล้านปอนด์ หรือ 250 ล้านดอลลาร์ เพิ่มเติมจากเงินที่ได้จากการทำข้อตกลงฟื้นฟูกิจการจำนวน 900 ล้านปอนด์เมื่อเดือนที่แล้วจากหุ้นส่วนรายใหญ่สุดคือบริษัทโฟซุน บริษัทสัญชาติจีน แต่เมื่อไม่ได้รับการช่วยเหลือด้านการเงิน โทมัส คุก จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากขออำนาจศาลพิทักษ์ทรัพย์สินภายใต้กฏหมายล้มละลาย และขอให้รัฐบาลช่วยส่งลูกค้าที่ปัจจุบันกระจายอยู่ในประเทศต่างๆ ให้เดินทางกลับประเทศ ซึ่งถือเป็นการนำนักท่องเที่ยวกลับประเทศจำนวนมากที่สุด นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

ทางด้านรัฐบาลอังกฤษประกาศจุดยืนที่ชัดเจนว่า จะยื่นมือช่วยเหลือโทมัส คุก ได้เฉพาะในกรณีการนำประชาชนชาวอังกฤษกลับประเทศเท่านั้น แต่อย่าหวังว่าจะให้รัฐบาลดึงงบประมาณออกมาช่วยอุ้มกิจการ โดยนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ให้เหตุผลว่า การที่รัฐบาลไม่ได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่โทมัส คุก นั้น เพราะไม่ต้องการสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ดีให้กับบริษัทอื่นๆ แถมยังแอบเหน็บว่า โทมัส คุก อาจไม่ได้ใช้ความพยายามมากพอ ก่อนที่จะตัดสินใจประกาศล้มละลาย

การท่าอากาศยานพลเรือนอังกฤษระบุว่า เที่ยวบินและการเดินทางที่มีการจองเอาไว้กับโทมัส คุก ได้ถูกยกเลิกทั้งหมดทันทีที่บริษัทประกาศล้มละลาย สถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารทั่วโลกราว 600,000 คน ซึ่งทำให้รัฐบาลอังกฤษต้องร่วมมือกับบรรดาบริษัทประกันและสายการบินรายอื่นๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนในการเดินทางกลับประเทศ

การปิดตัวของโทมัส คุก ไม่เพียงแต่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วธุรกิจการเดินทางและท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบทางการเมืองที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ชาวอังกฤษตัดสินใจลงมติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป นอกจากนี้ ยังเป็นบทเรียนให้ธุรกิจอื่นๆได้เห็นว่า การปรับตัวที่ช้าเกินไปในยุคดิจิทัลและยุคที่พฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ อาจจบลงด้วยการปิดฉากที่ไม่สวยงาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ