นับเป็นเวลากว่า 10 วันแล้วหลังจากที่กลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 จนนำไปสู่สงครามระหว่างทั้งสองฝ่ายที่รุนแรงขึ้นทุกขณะ จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 4,000 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บนับหมื่นราย และมีประชาชนต้องพลัดถิ่นมากถึง 1 ล้านคน ยิ่งไปกว่านั้น กองทัพอิสราเอลยังส่งสัญญาณว่าจะเปิดปฏิบัติการภาคพื้นดินในฉนวนกาซาอีกไม่นานนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลายประเทศได้เริ่มออกมาแสดงจุดยืนของตนเองและยื่นมือเข้ามาแทรกแซง
*สหรัฐหนุนหลังอิสราเอล
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้ออกเดินทางเยือนอิสราเอลในวันนี้ (18 ต.ค.) เพื่อหารือกับนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และยืนยันถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับอิสราเอล นอกจากนี้ สหรัฐยังเตรียมพร้อมส่งกองกำลังทหาร 2,000 นายไปยังตะวันออกกลางด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ได้เจรจากับคณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอล ณ เมืองเทลอาวีฟ และเปิดเผยว่า "ปธน.ไบเดนจะประกาศอย่างชัดเจนว่า อิสราเอลมีสิทธิและมีหน้าที่ในการปกป้องประชาชนของตนจากกลุ่มฮามาสและผู้ก่อการร้ายอื่น ๆ และเพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต" ส่วนทางด้านอิสราเอลจะชี้แจงให้ปธน.ไบเดนทราบเกี่ยวกับเป้าหมายและกลยุทธ์การทำสงคราม ตลอดจนวิธีปฏิบัติการเพื่อลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตของพลเรือน และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่พลเรือนในฉนวนกาซาโดยไม่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มฮามาส
ด้านผู้นำวุฒิสภาสหรัฐคาดการณ์ว่า ปธน.ไบเดนจะยื่นคำร้องต่อวุฒิสภาสหรัฐภายในสัปดาห์นี้ เพื่อขอเงินช่วยเหลือหลายพันล้านดอลลาร์สำหรับอิสราเอล ยูเครน และไต้หวัน รวมถึงสำหรับการรักษาความปลอดภัยบริเวณชายแดนสหรัฐด้วย อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการเปิดเผยวงเงินช่วยเหลือดังกล่าว แต่แหล่งข่าวระบุว่า อิสราเอลได้ขอเงินช่วยเหลือจำนวน 1 หมื่นล้านดอลลาร์
*อิหร่านพร้อมรบ-ซาอุฯ ประชุมฉุกเฉิน
นายฮอสเซน อามีร์อับดอลลาเฮียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ออกโรงเตือนเมื่อวันจันทร์ (16 ต.ค.) ว่า ปฏิบัติการภาคพื้นดินในฉนวนกาซาอาจขยายขอบเขตความขัดแย้งไปยังส่วนอื่น ๆ ของภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเครือข่ายติดอาวุธในตะวันออกกลางที่เป็นฝ่ายต่อต้านอาจเปิด "แนวรบหลายด้าน" ต่ออิสราเอล พร้อมกับย้ำว่า "หากอาชญากรรมสงครามต่อชาวปาเลสไตน์ยังไม่หยุดทันที จะมีการเปิดแนวรบอื่น ๆ และสิ่งนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้"
ขณะที่สมเด็จพระราชาธิบดี ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด แห่งซาอุดีอาระเบีย ได้เรียกประชุมฉุกเฉินระดับรัฐมนตรีของสมาชิกองค์กรความร่วมมืออิสลาม (OIC) ในวันนี้ (18 ต.ค.) ณ เมืองเจดดาห์ เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ทางทหารที่ทวีความรุนแรงขึ้นในฉนวนกาซาและโดยรอบ ตลอดจนสถานการณ์อันย่ำแย่ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตของพลเรือน รวมถึงความมั่นคงและเสถียรภาพโดยรวมของภูมิภาคตะวันออกกลาง
*รัสเซียอาสาเป็นกาวใจ
ประธานาธิบดี วลาดีเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เมื่อวันจันทร์ (16 ต.ค.) โดยระบุว่ารัสเซียพร้อมที่จะช่วยยุติการเผชิญหน้าระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ นอกจากนี้ ผู้นำรัสเซียได้แจ้งผู้นำอิสราเอลเกี่ยวกับขั้นตอนที่รัสเซียกำลังดำเนินการเพื่อช่วยให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ป้องกันไม่ให้ความรุนแรงลุกลามมากขึ้น รวมถึงป้องกันไม่ให้เกิดหายนะด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา ขณะเดียวกัน ปธน.ปูตินได้หารือเกี่ยวกับวิกฤตดังกล่าวกับผู้นำของอิหร่าน อียิปต์ ซีเรีย และทางการปาเลสไตน์ และกล่าวว่าความรุนแรงต่อพลเรือนทุกรูปแบบเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้
นอกจากนี้ รัสเซียได้จัดทำร่างมติเพื่อเสนอต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อเรียกร้องให้มีการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในพื้นที่ฉนวนกาซา แต่ร่างมติดังกล่าวไม่มีการประณามกลุ่มฮามาส ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัสเซียได้รับการสนับสนุนจากจีน แต่ถูกสหรัฐ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และญี่ปุ่นปฏิเสธ ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่ารัสเซียฉวยโอกาสนี้เบี่ยงเบนความสนใจจากสงครามในยูเครน
*จีนยืนข้างสันติภาพและมโนธรรม
ในระหว่างการหารือเชิงยุทธศาสตร์ระดับสูงจีน-สหภาพยุโรป เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวถึงสถานการณ์ปาเลสไตน์-อิสราเอลว่า จีนประณามการกระทำทั้งหมดที่เป็นอันตรายต่อพลเรือน และต่อต้านการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมกับเน้นย้ำว่า จีนจะยังคงยืนอยู่ข้างสันติภาพ มโนธรรม ความยุติธรรม กฎหมายระหว่างประเทศ และความปรารถนาร่วมกันของประเทศส่วนใหญ่ในโลก
นอกจากนี้ จีนยังมีส่วนร่วมในการสื่อสารกับฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และจะมีส่วนร่วมในการปรึกษาหารือฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ขณะเดียวกัน จีนยังเรียกร้องให้นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ออกมาปกป้องพลเรือนด้วย โดยจีนพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมฉุกเฉินแก่ฉนวนกาซาและหน่วยงานของปาเลสไตน์ผ่านทางสหประชาชาติ
เขาเน้นย้ำว่าการแก้ปัญหาด้วยแนวทางจัดตั้งรัฐสองรัฐ (Two-State Solution) และการสถาปนารัฐเอกราชปาเลสไตน์ คือวิธีที่ปาเลสไตน์และอิสราเอลจะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ชาวอาหรับและชาวยิวสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปรองดอง และภูมิภาคตะวันออกกลางบรรลุสันติภาพอย่างแท้จริง โดยเรียกร้องให้มีการกลับมาเจรจาสันติภาพอีกครั้งโดยทันที ขณะเดียวกัน ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลจีนจะเดินทางเยือนประเทศที่เกี่ยวข้องในตะวันออกกลางในเร็ว ๆ นี้ และจะทำงานอย่างแข็งขันเพื่อยุติความรุนแรงและคลี่คลายสถานการณ์
"ชนชาติยิวไม่ไร้บ้านอีกต่อไป แต่เมื่อไหร่ชนชาติปาเลสไตน์จะได้กลับบ้าน" นี่คือคำถามจากนายหวัง อี้ และคงเป็นคำถามที่ทั่วโลกก็รอคำตอบเช่นกันว่า ท้ายที่สุดแล้วความขัดแย้งอันยาวนานนี้จะจบลงอย่างไร