ตลาดอินฟลูเอนเซอร์ไทยกำลังเผชิญช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ ทั้งการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น รายได้ที่ไม่แน่นอน และการเข้ามาของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังพลิกโฉมกติกาการเล่นทั้งหมด จนทำให้เกิดคำถามว่า ครีเอเตอร์ที่เป็นมนุษย์จะอยู่รอดและสร้างความแตกต่างได้อย่างไรในยุคที่ AI กำลังครองโลก
เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ คุณปู สุวิตา จรัญวงศ์ ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เทลสกอร์ จำกัด (Tellscore) บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มบริหารจัดการอินฟลูเอนเซอร์ชั้นนำของไทย ได้เผยมุมมองต่อทิศทางตลาดปัจจุบันและอนาคต พร้อมแนะแนวทางปรับตัวสำหรับครีเอเตอร์ยุค AI บนเวที Thailand Influencer Awards 2025 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ภายใต้แนวคิด "Creators of Change ครีเอเตอร์เปลี่ยนโลก พารอด"
*อินฟลูเอนเซอร์ยังโต แต่ยืนระยะยาก
คุณสุวิตาเผยว่า ตลาดอินฟลูเอนเซอร์ไทยยังเติบโตต่อเนื่องราวปีละ 1520% ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ครีเอเตอร์ยิ่งมีบทบาทเด่นชัดมากขึ้น ทั้งในแง่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการเป็นเครื่องมือทรงพลังของแบรนด์และธุรกิจ
ปัจจุบัน อาชีพครีเอเตอร์เปิดกว้างขึ้น ทั้งในฐานะงานเสริมของคนทำงานประจำ หรือแม้แต่กลายเป็นช่องทางสร้างรายได้หลักสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกเลิกจ้าง ที่หันมาเปิดช่องบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อนำประสบการณ์ชีวิตมาเล่าเป็นคอนเทนต์ รวมถึงธุรกิจรายเล็กที่หันมาทำคอนเทนต์หรือไลฟ์ขายของเอง
อย่างไรก็ตาม แม้หลายคนจะเล็งเห็นโอกาสนี้ แต่คุณสุวิตามองว่า การจะประกอบอาชีพครีเอเตอร์เต็มเวลา (full-time creator) ที่ยืนระยะได้นั้นยังมีความท้าทาย เพราะการแข่งขันสูง ส่งผลให้รายได้ไม่สม่ำเสมอตามที่หลายคนคาดหวัง
ขณะเดียวกัน ฝั่งแบรนด์เองก็เริ่มปรับกลยุทธ์ด้านอินฟลูเอนเซอร์มากขึ้น เช่น การปั้นพนักงานให้กลายเป็นครีเอเตอร์ หรือใช้คอนเทนต์ที่มาจากลูกค้าจริง (User-Generated Content) แทนการจ้างครีเอเตอร์โดยตรง นอกจากนี้ยังเริ่มเปิดกว้างกับ AI Creator เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำตลาด
*AI เขย่าวงการ แต่ยังไม่ใช่จุดอวสานของอินฟลูฯ
จากการที่ AI เข้ามามีบทบาทอย่างมากในปัจจุบัน คุณสุวิตาคาดว่า AI Creator อาจเข้ามาทดแทนมนุษย์ในงานไลฟ์สด (Live Commerce) เพราะสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าครีเอเตอร์ที่เป็นมนุษย์จะหมดความสำคัญ ตรงกันข้าม ครีเอเตอร์กลุ่มรีวิวสินค้าหรือแนะนำผลิตภัณฑ์แบบเจาะลึกยังเติบโตต่อเนื่อง เพราะผู้ชมยังคงเชื่อในความจริงใจและความน่าเชื่อถือของมนุษย์
เธอเสนอทางออกว่า ครีเอเตอร์สามารถปรับตัวด้วยการสร้าง AI Avatar โคลนนิงตัวเองเพื่อไลฟ์ขายสินค้า ตัวอย่างเช่น 'แม่ปุ้ย' ปิยาภรณ์ แสนโกศิก จากช่อง TPN Global ที่ไลฟ์ขายสินค้าความงามบน TikTok หรือคุณซารต์ ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช จากช่อง Bearhug ที่ไลฟ์ขายเยลลี่ซันซุ
อย่างไรก็ตาม การใช้เทคโนโลยี AI มาพร้อมความกังวลด้านจริยธรรม คุณสุวิตาย้ำว่า ครีเอเตอร์ไม่ควรสร้างภาพ AI สำหรับเหตุการณ์อ่อนไหวหรือภัยพิบัติ เพราะยิ่งสร้างความตื่นตระหนกและซ้ำเติมผู้ได้รับผลกระทบ รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายข่าวปลอม ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ของสังคมไทยที่ยังขาดมาตรการกำกับดูแลและควบคุม AI ที่รัดกุม
*Community คือทางรอดของครีเอเตอร์ยุค AI
ยิ่ง AI แพร่หลาย ผู้คนยิ่งมองหา 'ความเป็นมนุษย์' ที่แท้จริง ซีอีโอเทลสกอร์เชื่อว่า Human Touch จะกลายเป็นคุณค่าสำคัญของครีเอเตอร์ยุคใหม่ เพราะเมื่อ AI กลายเป็นเรื่องปกติ ผู้คนจะหันกลับมาหาความน่าเชื่อถือและความจริงใจจากครีเอเตอร์ที่เป็นมนุษย์
ทางรอดของครีเอเตอร์จึงอยู่ที่การสร้างตัวตนที่ชัดเจน และสร้างคอมมูนิตี้ที่แข็งแรงกับผู้ติดตาม หรือมีปฏิสัมพันธ์กันแบบมนุษย์ต่อมนุษย์ เพราะคอมมูนิตี้นั้นไม่ได้หมายถึงแค่ผู้ติดตามจำนวนมาก แต่หมายถึงการมีกลุ่มคนที่เชื่อใจ มีส่วนร่วม และพร้อมอยู่เคียงข้างในระยะยาว
นอกจากนี้ คุณสุวิตายังแนะว่า หากครีเอเตอร์เลือกใช้ AI หรือ AI Avatar สิ่งสำคัญคือการแสดงให้ผู้ติดตามเห็นอย่างชัดเจนว่า AI นั้นเป็น 'ตัวแทนของตัวเอง' เพื่อสร้างความไว้วางใจและรักษาความน่าเชื่อถือ ให้ผู้ติดตามมั่นใจได้ว่าช่องทางหรือบัญชีนั้นยังอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของครีเอเตอร์ตัวจริง
คุณสุวิตาทิ้งท้ายว่า ครีเอเตอร์จะอยู่รอดและยืนระยะท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัว การเปิดใจรับสิ่งใหม่ และการรักษาความเชื่อมั่นจากผู้ติดตามเอาไว้ได้