Media Talk: เมื่อ SEO แบบเดิมรอดยาก ทำอย่างไรให้แบรนด์เป็นคำตอบที่ใช่ในยุค AI Search

ข่าวเทคโนโลยี Friday August 15, 2025 14:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

Media Talk: เมื่อ SEO แบบเดิมรอดยาก ทำอย่างไรให้แบรนด์เป็นคำตอบที่ใช่ในยุค AI Search

ในยุคที่ Generative AI เข้ามาพลิกโฉมวงการดิจิทัลอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมการค้นหาของผู้บริโภคจึงเปลี่ยนแปลงไป คำถามสำคัญที่นักการตลาดและเจ้าของแบรนด์ต่างต้องขบคิดคือ จะทำอย่างไรให้แบรนด์ของเรายังคงโดดเด่นและเข้าถึงผู้บริโภคได้ในสมรภูมิที่ AI กลายเป็นผู้คัดเลือกคำตอบให้

ประเด็นท้าทายนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาถกกันอย่างเข้มข้นบนเวทีเสวนาหัวข้อ "Making Your Brand Visible in AI Search Era" ภายในงาน DAAT DAY 2025: THE FUTURE OF ATTENTION ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 ณ ภิรัชฮอลล์ ไบเทค บางนา โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากสามองค์กรชั้นนำ ได้แก่ คุณชลิดา หิรัญตระกูล (Performance Solution Lead, SEA, Google) คุณมารุต ปิยะพันธ์ (SEO Manager, Amplifi - Dentsu Thailand) และคุณวรธรรม วังภาพร (Digital Business Development - Manager, Media Intelligence Group) มาร่วมไขคำตอบ และคุณวรัชญา อุรุพงศา (Co-Founder & CEO, SEIGO GROUP) เป็นผู้ดำเนินรายการ

Media Talk: เมื่อ SEO แบบเดิมรอดยาก ทำอย่างไรให้แบรนด์เป็นคำตอบที่ใช่ในยุค AI Search
พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่: Search ยาวขึ้น ถามด้วยภาพ และพึ่งพา AI

คุณชลิดา จาก Google Thailand เปิดประเด็นด้วยข้อมูลเชิงลึกว่า พฤติกรรมการค้นหาของผู้บริโภคไทยได้พัฒนาไปไกลกว่าเดิมมาก

Search ยาวและซับซ้อนขึ้น: การค้นหาด้วยข้อความยาวเกิน 10 คำกลายเป็นเรื่องปกติ และมีแนวโน้มเติบโตสูงถึง 57% สะท้อนว่าผู้คนเริ่ม "พูดคุย" กับ Search Engine มากกว่าแค่ป้อนคีย์เวิร์ดสั้น ๆ

Visual Search ได้รับความนิยมสูง: 1 ใน 3 ของการค้นหาในไทยเป็นการค้นหาด้วยรูปภาพ และที่สำคัญคือ 1 ใน 5 ของการค้นหาด้วยภาพนั้นมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การซื้อสินค้า (Commercial Intent)

Media Talk: เมื่อ SEO แบบเดิมรอดยาก ทำอย่างไรให้แบรนด์เป็นคำตอบที่ใช่ในยุค AI Search

ปริมาณการค้นหายังคงมหาศาล: แม้จะมี AI Chatbot เกิดขึ้นมากมาย แต่ Google ยังคงมีปริมาณการค้นหาทั่วโลกสูงถึง 5 ล้านล้านครั้งในปีที่ผ่านมา มากกว่า Chatbot ถึงประมาณ 370 เท่า

AI Overview: ดาบสองคมแห่งโลกการค้นหา เมื่อโอกาสของผู้ใช้ กลายเป็นวิกฤตของแบรนด์

การมาถึงของ AI Overview คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุด ด้วยการเข้าถึงผู้คนกว่า 1.5 พันล้านคนทั่วโลก นี่จึงถือเป็น "หนึ่งในการเปิดตัวที่ประสบความสำเร็จที่สุดของ Google Search ในทศวรรษที่ผ่านมา"

คุณวรธรรม จาก MI GROUP เปรียบเทียบภาพให้เห็นชัดเจนว่า โลกเก่าของการค้นหาคือการแข่งขันเพื่อให้ได้อันดับสูง นำไปสู่การคลิกและทราฟฟิก แต่ในโลกใหม่ Search Engine ไม่ได้ให้แค่ลิงก์อีกต่อไป แต่ให้ "คำตอบที่สมบูรณ์" ทันที

Media Talk: เมื่อ SEO แบบเดิมรอดยาก ทำอย่างไรให้แบรนด์เป็นคำตอบที่ใช่ในยุค AI Search

แต่การเปลี่ยนแปลงนี้มาพร้อมกับความท้าทายที่น่ากังวลอย่างยิ่ง คุณมารุต จาก Dentsu ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ตอกย้ำถึงผลกระทบ โดยชี้ว่าเมื่อเป็นการค้นหาเชิงข้อมูล (Informational Keyword) เช่น "คืออะไร" หรือ "ทำอย่างไร" โอกาสที่ AI Overview จะแสดงผลกลับพุ่งสูงถึง 88%

การปรากฏผลการค้นหาที่สูงลิ่วนี้เองที่ส่งผลกระทบโดยตรง นำไปสู่พฤติกรรมที่เรียกว่า Zero-Click Behavior ที่ผู้ใช้ได้คำตอบโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บไซต์อีกต่อไป ซึ่งข้อมูลจาก Ahrefs ยืนยันว่า เว็บไซต์ที่ถูกดึงข้อมูลไปแสดงใน AI Overview มีอัตราการคลิก (CTR) ลดลงเฉลี่ยถึง 34.5% คุณมารุตสรุปอย่างชัดเจนว่า หากเว็บไซต์ของแบรนด์เน้นคอนเทนต์ประเภทบทความ "ทราฟฟิกลดลงอย่างแน่นอน และการจะกู้คืนก็เป็นไปได้ค่อนข้างยาก" ขณะที่ข้อมูลจาก Semrush AI Study ยังคาดการณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่า ทราฟฟิกจาก AI Overviews จะแซงหน้า SEO แบบดั้งเดิมภายในปี 2571

แม้ข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่ SEO แบบเดิมกำลังเผชิญ แต่ในมุมมองของ Google คุณชลิดาเผยว่า ผู้ใช้ AI Overview มีประสบการณ์ที่ดีขึ้นและกลับมาค้นหาบ่อยขึ้นถึง 10% และที่สำคัญคือ "ทราฟฟิกคุณภาพสูง" (Quality Traffic) ที่ส่งไปยังเว็บไซต์ของแบรนด์ไม่ได้ลดลง พร้อมกันนี้ คุณชลิดายังได้ฉายภาพอนาคตที่ไกลกว่านั้นว่า การค้นหาจะก้าวไปอีกขั้นด้วย AI Mode และ Agentic AI ที่จะทำให้การค้นหาเป็นเหมือนการสนทนา และสามารถ "ลงมือทำ" แทนผู้ใช้ได้

ปรับเกมครั้งใหญ่: เมื่อเป้าหมายไม่ใช่ทราฟฟิก แต่คือการให้ AI Search เลือกแบรนด์เราเป็นคำตอบ

เมื่อภูมิทัศน์เปลี่ยนไป กลยุทธ์ของแบรนด์ก็ต้องเปลี่ยนตาม คุณวรธรรมได้นำเสนอแนวคิดการสร้างแบรนด์ให้กลายเป็นคำตอบที่น่าสนใจ ผ่านโมเดล 3 ระดับชั้น ดังนี้

1. วงในสุด - Core Brand Assets: การสร้างรากฐานของแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ผ่านการทำ SEO บนเว็บไซต์ของตัวเอง

2. วงกลาง - Trusted Media Ecosystem: การสร้างความน่าเชื่อถือผ่านการมีตัวตนบนสื่อหรือแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

3. วงนอกสุด - User & Social Content: การบริหารจัดการเสียงของผู้บริโภคบนโซเชียลมีเดีย ทั้ง UGC และ KOL

เป้าหมายสูงสุดคือการบูรณาการทั้งสามส่วนเข้าด้วยกัน เพื่อทำให้ "ทุกที่ที่แบรนด์ปรากฏ นำไปสู่คำตอบเดียว"

กล่าวคือ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลบนเว็บไซต์ของแบรนด์ การถูกอ้างอิงในสื่อที่น่าเชื่อถือ หรือเสียงของผู้บริโภคบนโซเชียลมีเดีย ทั้งหมดจะต้องสอดคล้องและส่งเสริมกัน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือในมุมมองของ AI จนท้ายที่สุด AI Search จะรวบรวมข้อมูลจากทุกแหล่งและเลือกแบรนด์ของคุณเป็น "คำตอบ" ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้งานนั่นเอง

เพื่อนำแนวคิดนี้ไปสู่การปฏิบัติจริง คุณวรธรรมได้เปิดตัวเฟรมเวิร์กที่ MI GROUP พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ ภายใต้ชื่อ "MORIA" ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อ "Make AI Cite Your Brand" หรือทำให้ AI เลือกอ้างอิงแบรนด์ของคุณนั่นเอง โดย MORIA ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนสำคัญ

M - Map the Structure (เข้าใจระบบ): ทำความเข้าใจว่า AI มองโลกและเชื่อมโยงข้อมูลอย่างไร เพื่อวางรากฐานให้แบรนด์ถูกตีความและอ้างอิงได้ถูกต้อง

O - Organize the Meaning (เข้าใจแบรนด์): จัดโครงสร้างและความหมายของข้อมูลให้ชัดเจนในแบบที่ AI สามารถตีความเจตนาได้ ไม่ใช่แค่คีย์เวิร์ด

R - Respond to the Prompt (เข้าใจลูกค้า): เตรียมคำตอบที่ตรงกับรูปแบบการถามจริงของผู้ใช้ และสอดคล้องกับภาษาที่ AI จะให้คำตอบ

I - Inject into the Ecosystem (ขยายร่องรอย): กระจาย footprint ของแบรนด์ผ่านสื่อที่น่าเชื่อถือและ community เพื่อสร้างการเชื่อมโยงข้อมูลข้ามแพลตฟอร์ม

A - Align with the AI System (ตอกย้ำการรับรู้): ติดตาม วัดผล และปรับข้อมูลซ้ำอย่างต่อเนื่อง จน AI เลือกอ้างอิงแบรนด์เป็นคำตอบหลัก

AI Max for Search: เครื่องมือใหม่จาก Google รับมือ Intent ที่ซับซ้อน

เพื่อช่วยให้แบรนด์ปรับตัวและคว้าโอกาสจากการค้นหาที่ซับซ้อนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาด้วยข้อความยาว รูปภาพ หรือวิดีโอ คุณชลิดาได้เปิดตัวโซลูชันใหม่ล่าสุด AI Max for Search Campaign ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สามารถเปิดใช้งานได้ง่ายเพียงคลิกเดียวบนแคมเปญ Search ที่มีอยู่เดิม โดยไม่จำเป็นต้องสร้างแคมเปญใหม่

AI Max ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยแบรนด์จับ Intent ที่หลากหลายของผู้บริโภคผ่าน 3 ความสามารถหลัก

1. Keywordless Targeting: AI จะเข้าไปวิเคราะห์ (Crawl) เว็บไซต์ของแบรนด์ เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาและจับคู่กับ Intent การค้นหาของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ แม้ผู้ใช้จะค้นหาด้วยรูปภาพ หรือใช้คีย์เวิร์ดที่แบรนด์ไม่เคยมีมาก่อนก็ตาม

2. Tailored Ad Copy in Real-time: ในเฟสแรก AI จะเลือกใช้ชิ้นงานโฆษณา (Creative) ที่มีอยู่แล้วในบัญชีมาจับคู่กับ Intent ที่หาเจอ แต่ในเฟสถัดไป Generative AI จะสามารถสร้างสรรค์ข้อความโฆษณาที่เหมาะสมและ Personalize มากที่สุดสำหรับแต่ละการค้นหาได้แบบเรียลไทม์

3. URL Matching: AI จะไม่แค่ส่งผู้ใช้ไปหน้าเพจแบบสุ่ม แต่จะวิเคราะห์เพื่อหา Landing Page ที่เหมาะสมที่สุดบนเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเกิด Conversion ให้สูงสุด

คุณชลิดาได้ยกตัวอย่างความสำเร็จจากแบรนด์ชั้นนำที่ได้ทดลองใช้ AI Max แล้ว

Shopee (ในสิงคโปร์และมาเลเซีย): แม้จะมีกลยุทธ์คีย์เวิร์ดที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่การใช้ AI Max เพื่อจับการค้นหาด้วยรูปภาพและสินค้าใหม่ ๆ ทำให้สามารถเพิ่ม Conversion ได้ถึง 100% พร้อมกับลดต้นทุนต่อออเดอร์ (Cost per Order) และเพิ่มผลตอบแทนจากค่าโฆษณา (Return on Ad Spend: ROAS) โดยรวมได้อีกด้วย

Pond's (ในไทย): เผชิญความท้าทายจากคีย์เวิร์ดในกลุ่ม Beauty ที่หลากหลายและคาดเดายาก การใช้ AI Max โดยตั้งเป้าหมายไปที่การเพิ่มสินค้าลงตะกร้า (Add to Cart) ทำให้ Pond's ค้นพบคีย์เวิร์ดใหม่ ๆ ที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อนถึง 5,500 คำ และเพิ่มยอด Add to Cart ได้ถึง 106% ซึ่งส่งผลโดยตรงให้ยอดขายรวมของแบรนด์บน Shopee เติบโตขึ้นถึง 56%

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ สิ่งที่ชัดเจนคือการแข่งขันบนโลกของการค้นหาไม่ได้วัดกันที่ใครอยู่ "อันดับหนึ่ง" อีกต่อไป แต่จะวัดกันที่ว่า แบรนด์ของใครสามารถสร้างตัวตนให้กลายเป็น "คำตอบ" ที่ดีที่สุดได้ ดังเช่นที่ MI GROUP ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า ...

"IN THE AGE OF AI, ONLY ONE ANSWER WILL REMAIN. MAKE IT YOURS."

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ