Media Talk: ส่องกลยุทธ์สื่อสารองค์กรยุคข้อมูลถาโถม AI คือตัวช่วย "คน" คือหัวใจ

ข่าวทั่วไป Monday October 27, 2025 15:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

Media Talk: ส่องกลยุทธ์สื่อสารองค์กรยุคข้อมูลถาโถม AI คือตัวช่วย

ท่ามกลางข้อมูลท่วมท้นและเหตุการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา งานสื่อสารองค์กรจึงไม่ใช่แค่การเผยแพร่ข่าวสาร หากแต่ยังหมายถึงการจัดการความเสี่ยงและสร้างความเชื่อมั่นแบบเรียลไทม์ ผู้บริหารและนักสื่อสารจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์โดยผสานเทคโนโลยีเข้ากับสัญชาตญาณของมนุษย์ เพื่อจัดการข้อมูลและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในงานสัมมนา "AI-Powered Media Intelligence for Marketing & PR Professionals" ซึ่งบริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา คุณศตกมล วรกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน), คุณเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร และคุณคมกริช สาคริก ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร การไฟฟ้านครหลวง ได้มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ ซึ่งเผยให้เห็นว่าในโลกของการสื่อสารยุคใหม่นั้น AI คือเครื่องมือสำคัญในการรวบรวมข้อมูล แต่ "คน" คือหัวใจของการวิเคราะห์และตัดสินใจเพื่อให้องค์กรอยู่รอดอย่างยั่งยืน

Media Talk: ส่องกลยุทธ์สื่อสารองค์กรยุคข้อมูลถาโถม AI คือตัวช่วย

สู้ศึก Data Overload เปลี่ยนข้อมูลล้นมือเป็นขุมทรัพย์

คุณศตกมล จากบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) เจ้าของศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เปิดเผยว่า เครือเอ็ม บี เค มีธุรกิจหลากหลายประเภท กลยุทธ์สำคัญจึงอยู่ที่การรวบรวมคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจทั้งหมดของเครือฯ เช่น ชื่อบริษัท ชื่อผู้บริหาร ชื่อศูนย์การค้า ชื่อโรงแรม และนำไปใส่ในระบบมอนิเตอร์ คีย์เวิร์ดเหล่านี้จะต้องมีการอัปเดตตลอดเวลา เพื่อให้ระบบสามารถตรวจจับข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้อย่างแม่นยำ

ด้านคุณคมกริช จากการไฟฟ้านครหลวง เปิดเผยว่า การไฟฟ้านครหลวงใช้ Data ช่วยทั้งในเชิงรับและเชิงรุก แต่ปัจจุบันเน้นที่เชิงรุกมากกว่า โดยมีเครื่องมือที่ทันสมัยเข้ามาช่วย เพื่อให้ฝ่ายสื่อสารมีข้อมูลเตรียมไว้ล่วงหน้า และสามารถตอบกลับได้ทันทีเมื่อผู้บริหารโทรมาสอบถาม ทั้งนี้ การไฟฟ้านครหลวงมีข้อมูลจากลูกค้าเป็นหลักล้านราย การรับมือกับข้อมูลล้นมือจึงเน้นไปที่การใช้ระบบและเทคโนโลยีมาช่วยในการจัดการ จากแต่ก่อนที่การจัดการข้อมูลทำโดยการอ่านหนังสือพิมพ์ ตัดข่าว แปะลงกระดาษ และส่งให้ผู้บริหาร ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช้า แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาระบบและใช้ Dashboard ในห้องมอนิเตอร์ เพื่อจัดลำดับความสำคัญของข้อมูล จัดทำเป็นสีเพื่อให้เห็นระดับความสำคัญอย่างชัดเจน หากรุนแรงมากจะแสดงเป็น "สีแดง" นอกจากนี้ เพื่อไม่ให้ Voice จากลูกค้าหลายล้านรายเข้ามาท่วมช่องทางการสื่อสารหลัก เช่น Call Center ทางการไฟฟ้านครหลวงก็ได้นำเครื่องมือเข้ามาช่วยในการตอบคำถามพื้นฐาน เช่น แอป MEA Smart Life และ LINE Official Account

Media Talk: ส่องกลยุทธ์สื่อสารองค์กรยุคข้อมูลถาโถม AI คือตัวช่วย

ส่วนกรุงเทพมหานคร (กทม.) รับมือกับ Data Overload ที่มาในรูปแบบของการร้องเรียนและปัญหาจากประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านแพลตฟอร์มหลักอย่าง Traffy Fondue โดยคุณเอกวรัญญู โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กทม.ใช้ Traffy Fondue เป็นระบบจัดการข้อมูลการร้องเรียน ให้ประชาชนสามารถแจ้งปัญหา พร้อมระบุพิกัดและถ่ายภาพได้ การรวมศูนย์นี้ช่วยให้ข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เข้ามารวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงนอกเวลาราชการ ถูกจัดเก็บอย่างเป็นระบบและนำไปใช้ต่อได้สะดวก

ข้อมูลไม่ได้มีไว้แค่เฝ้าระวัง แต่นำมาใช้กำหนดนโยบายและพลิกภาพลักษณ์ได้

Media Talk: ส่องกลยุทธ์สื่อสารองค์กรยุคข้อมูลถาโถม AI คือตัวช่วย

คุณเอกวรัญญูได้ยกตัวอย่างการใช้ระบบ Traffy Fondue ที่ให้ประชาชนแจ้งปัญหาได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยข้อมูลการแจ้งปัญหาน้ำท่วมกลายเป็นฐานข้อมูลสำคัญที่เปลี่ยนวิธีการทำงานของ กทม. จากเดิมที่ลอกท่อตามแผนงานประจำ เช่น ปีละ 1,000 กม. มาเป็นแบบ Data-driven โดยมุ่งเป้าไปที่โซนที่มีปัญหาซ้ำซ้อน เช่น จุดไหนก่อสร้าง จุดไหนอาคาร และเน้นจัดสรรนโยบายลอกท่อตรงนั้น เพื่อให้จัดสรรงบประมาณได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

ในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น การตัดสินใจอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจัดการวิกฤตความเสียหาย คุณศตกมลได้ยกกรณีที่เกิดเหตุปะทะในศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ซึ่งถูกจัดเป็น Crisis Level 4 และต้องอาศัยข้อมูลจาก Social Monitoring เพื่อนำไปออกแถลงการณ์ภายในเวลาไม่เกินชั่วโมง และแก้ไขข้อมูลคลาดเคลื่อนในโซเชียลมีเดียทันที เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง

ส่วนคุณคมกริชย้ำถึงความสำคัญของการใช้ไทม์ไลน์ตอบสนองที่ชัดเจนในการจัดการอุบัติเหตุร้ายแรง โดยมีกระบวนการที่เน้นการตอบรับและขออภัยทันที และใช้ข้อมูล Monitoring เป็นตัวชี้วัดความรุนแรงของสถานการณ์ พร้อมนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการทำงานเชิงรุกกับสื่อมวลชน เช่น การติดต่อบรรณาธิการข่าวเพื่อขอให้แก้ไขข่าวที่ไม่ถูกต้องหรือเกินจริง

นอกเหนือจากการจัดการวิกฤตเฉพาะหน้าด้วยความรวดเร็วแล้ว การไฟฟ้านครหลวงยังพลิกวิกฤต เปลี่ยนสถานการณ์เชิงลบให้กลายเป็นภาพลักษณ์ที่ดีกลับคืนมาสู่องค์กร โดยการไฟฟ้านครหลวงได้ดู Topic ในสังคม และพบช่องทางในการนำท่ออุโมงค์ขนาดใหญ่ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว มาใช้ในการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม นั่นคือการนำท่อเหล่านั้นไปทำเป็นบังเกอร์บริเวณชายแดน เปลี่ยนภาพจำของประชาชนจากอุบัติเหตุหรือปัญหาในการก่อสร้าง มาสู่การเป็นหน่วยงานที่ใส่ใจและร่วมรับผิดชอบต่อความมั่นคงของประเทศและสังคม

AI คือเครื่องมือช่วย แต่ "คน" ยังคงมีบทบาทสำคัญ

หนึ่งในปัญหาท้าทายหลัก ๆ ของนักสื่อสารองค์กรในปัจจุบัน คือการที่ข้อมูลมาจากทุกทิศทางและมีความเร็วสูง โดยทั้งสามองค์กรให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับบทบาทของ "คน" หรือบุคลากรในเรื่องนี้ โดยเน้นว่าเทคโนโลยี เช่น AI เป็นเพียงเครื่องมือช่วย แต่การตัดสินใจ การกลั่นกรอง และการสร้างความเชื่อมั่นยังคงเป็นหน้าที่หลักของมนุษย์

คุณศตกมลเปิดเผยว่า แม้จะมีการใช้ AI และ Social Listening ในการรวมข้อมูล แต่รายละเอียดทั้งหมดที่ต้องมานั่งแยกแยะนั้น ยังคงเป็นหน้าที่ของบุคลากรที่ทำงานอยู่ทุกวัน คอยทำหน้าที่ตรวจสอบว่าข่าวสารที่เข้ามานั้น ข้อมูลไหนคือข้อมูลที่ควรติดตามต่อ ข้อมูลไหนคือข้อมูลรบกวน (Noise) ที่ต้องกรองออกไป สรุปข้อมูลสำหรับผู้บริหาร และแจ้งเตือนทันทีหากมีประเด็นที่ต้องจัดการในระดับวิกฤต นอกจากนี้ การรวบรวมและอัปเดตคีย์เวิร์ดเพื่อใช้ในระบบมอนิเตอร์นั้น ต้องอาศัยความเข้าใจของคนที่ทำงานในธุรกิจนั้น ๆ ที่จะรู้ว่าควรใส่คีย์เวิร์ดอะไรเข้าไปบ้าง สำหรับเหตุการณ์วิกฤตที่มีชาวต่างชาติเกี่ยวข้อง เช่น แผ่นดินไหว ทางองค์กรก็ต้องมีผู้ที่สื่อสารได้หลายภาษา เช่น ภาษาอาหรับ ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส แม้จะมี AI ช่วยก็ตาม

ด้านคุณคมกริชได้ชี้ให้เห็นความท้าทายในการบริหารจัดการข้อมูลด้วยจำนวนบุคลากรที่จำกัด เพราะการไฟฟ้านครหลวงมีพนักงานที่ดูแลการมอนิเตอร์ข้อมูลเพียง 3 คน อยู่หน้างาน 1 คน รวมเป็น 4 คน ดูแลพื้นที่ทั้งหมด 3 จังหวัด และมีลูกค้าถึง 4 ล้านราย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญและภาระงานของบุคลากรกลุ่มนี้ แม้การไฟฟ้านครหลวงจะนำ AI และเครื่องมืออัตโนมัติต่าง ๆ มาใช้ในการจัดการข้อมูลลูกค้าหลายล้านราย แต่บุคลากรก็ยังคงเป็นหัวใจสำคัญ เพราะหากส่งข้อมูลโดยใช้ AI เพียงอย่างเดียว ผู้รับอาจไม่ทราบว่าจุดไหนมีความสำคัญที่ต้องโฟกัสและมองไม่เห็นว่าควรทำอย่างไรต่อ สิ่งที่จำเป็นมากกว่าเทคโนโลยีคือความมีส่วนร่วมของบุคลากร เพื่อแปลงข้อมูลให้เป็นสิ่งที่ใช้งานได้จริง เพราะข้อมูลที่ได้รับจากระบบมอนิเตอร์จะไร้ความหมายหากขาดการตีความและนำไปปฏิบัติ

หัวใจสำคัญในการสื่อสารที่รวดเร็วคือต้องมาจากการตัดสินใจที่ชัดเจนของผู้บริหาร โดยคุณเอกวรัญญู เปิดเผยว่า ผู้ว่าฯ กทม. ใช้ข้อมูลในการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ในการจัดตั้งศูนย์บัญชาการสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทีมสื่อสารสามารถทำงานต่อได้ ทีมสื่อสารมีหน้าที่หลักคือการพยายามเร่งสื่อสารให้เร็วและถูกต้องเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนในสถานการณ์วิกฤต ทั้งยังให้อิสระทางความคิดแก่ทีมงาน เปิดโอกาสให้น้อง ๆ ในทีมใช้ความคิดสร้างสรรค์ เล่นกับกระแสสังคมในการทำคอนเทนต์แบบเรียลไทม์ เพื่อให้คนรับทราบข้อมูลข่าวสารที่สำคัญ เช่น ระดับน้ำสูง

ท้ายที่สุดแล้ว ในยุคที่ข้อมูลท่วมท้นอย่างรวดเร็ว การสื่อสารองค์กรให้ประสบความสำเร็จจะต้องผสานพลังของเทคโนโลยีกับบทบาทสำคัญของคน เพราะแม้ AI จะเข้ามาช่วยในการรวบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาลและรับมือกับภาวะข้อมูลล้นมือได้ แต่บุคลากรก็ยังคงเป็นหัวใจหลักในการวิเคราะห์ ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ สร้างความเชื่อมั่น รวมถึงการแปลงข้อมูลให้เป็นสิ่งที่สามารถนำไปปฏิบัติให้เกิดผลลัพธ์ที่มีความหมาย การตัดสินใจที่เด็ดขาดและรวดเร็วของผู้บริหาร ผสานกับการทำงานอย่างสร้างสรรค์ของทีมสื่อสาร คือกุญแจสำคัญในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและฟื้นฟูภาพลักษณ์ที่ดีกลับคืนมาสู่องค์กร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ