Media Talk: 3 เจ้าแม่แห่งวงการดิจิทัลร่วมเผยเทรนด์ร้อนการตลาดปี 2560 ในงาน DAAT DAY

ข่าวทั่วไป Tuesday August 30, 2016 13:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

3 กูรูจากเว็บไซต์ชื่อดัง MarketingOops, thumbsup และ Brand Buffet ได้ร่วมเป็นวิทยากรแชร์มุมมองภายใต้หัวข้อ “Digital Trend Spotting 2017" ในงาน "DAAT DAY 2016" ซึ่งจัดโดยสมาคมโฆษณาดิจิทัลแห่งประเทศไทย (DAAT)

ภายในงานได้มีการเปิดเผยถึงเทรนด์ร้อนของวงการดิจิทัลทั้งไทยและเทศในปี 2560 โดย 3 เจ้าแม่แห่งวงการดิจิทัล ประกอบด้วย คุณณัฐธิดา รัตนวุฒิ ผู้ก่อตั้ง MarketingOops, คุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ ผู้ร่วมก่อตั้ง thumbsup และ คุณรัสรินทร์ อรุณอิทธิวิทย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและบรรณาธิการ Brand Buffet

  • Virtual Reality มาแรงแซงทุกกระแส

คุณณัฐธิดามองว่า เทคโนโลยี VR หรือ Virtual Reality จะเป็นเทรนด์ที่มาแรงในปี 2560 นี้แน่นอน เนื่องจากแบรนด์ใหญ่ๆของต่างประเทศเริ่มมีการทุ่มงบให้กับเทคโนโลยีนี้อย่างจริงจัง ทั้งในด้านของการพัฒนาตัวกล้องและคอนเทนต์ที่ใช้ในการโฆษณา เห็นได้จากงาน Cannes Lions เมื่อปีที่ผ่านมามีหลายแบรนด์ๆ ในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น Facebook, Google หรือ Youtube ก็เริ่มมีการแข่งขันกันทางด้าน VR มากขึ้น โดยมีการผลิตแอปพลิเคชั่นที่สามารถรองรับคอนเทนต์แบบ VR ออกมากันหลายตัวแล้ว

สิ่งที่ทำให้เทคโนโลยี VR เป็นที่นิยมคือ “ความเสมือนจริง" ซึ่งทำให้ผู้บริโภคเห็นความน่าสนใจของแบรนด์ตัวเองและได้มีส่วนร่วมกับตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการมากยิ่งขึ้น อาทิ การไปท่องเที่ยวในยุโรป การเล่นรถไฟเหาะ และการนั่งเครื่องบิน First-class เป็นต้น ในอนาคตมีการคาดการณ์ว่า VR อาจจะถูกพัฒนาให้มีความสมจริงมากกว่าที่เป็นอยู่ เช่น มีการปล่อยกลิ่นหอมๆขณะผู้ชมกำลังเพลิดเพลินกับภาพในกล้อง VR มีการปล่อยละอองน้ำ มีแรงสั่นสะเทือน หรือมีการปรับอุณหภูมิให้มีความเย็นมากขึ้น ความสามารถของ VR จะช่วยเปิดโอกาสให้กับหลายๆวงการ ไม่ว่าจะเป็นแวดวงโฆษณา การจัดอีเวนท์ หรือแม้กระทั่งวงการการศึกษาก็จะได้ประโยชน์อย่างมหาศาลจากเทคโนโลยีนี้เช่นกัน เนื่องจากผู้คนจะได้เห็นภาพเสมือนจริงของสิ่งที่สามารถเดินทางไปศึกษาได้ลำบาก เช่น พิพิทธภัณฑ์ในต่างประเทศ หรือแม้แต่การศึกษาดวงดาวในอวกาศ

นอกจากนี้ แบรนด์ต่างๆยังเริ่มมีเทรนด์การแจกกล้อง VR Cardboard กันแล้ว ยกตัวอย่างเช่น AIS ก็ได้มีการส่งตัว VR Cardboard ให้กับลูกค้านำสมาร์ทโฟนใส่เข้าไปในตัวกล้อง เพื่อชมการ์ดเชิญในรูปแบบ VR สำหรับแบรนด์นอกนั้นก็เริ่มมีการปรับใช้เทคโนโลยี VR ในหลายรูปแบบ อาทิ โรงแรม Mariott ที่กระตุ้นให้ผู้คนเข้าพักในโรงแรมผ่านบริการ VR Postcard โดยรวบรวมประสบการณ์การท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆให้แขกผู้เข้าพักสามารถรับชมได้ทางกล้อง VR ของทางโรงแรม หรือแบรนด์รองเท้า Merrel ที่จัดอีเวนท์ให้ผู้คนได้สัมผัสประสบการณ์ปีนเขาแบบเสมือนจริงขณะสวมใส่รองเท้าของแบรนด์ และอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือการพัฒนา Banner ให้อยู่ในรูปแบบของ VR เมื่อผู้ชมคลิกที่ Banner ดังกล่าว ก็จะปรากฏภาพแบบ 360 องศา หรือภาพ VR ให้ผู้ชมได้เลือกตามแบบที่ตนเองสนใจ

นอกจากนี้ ในตลาดต่างประเทศยังได้มีการพัฒนากล้อง VR ให้มีราคาถูกลงและใช้งานง่ายขึ้น เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าในอนาคตกล้อง VR จะกลายเป็นอุปกรณ์ที่ทุกคนต้องมีติดบ้านไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนในปัจจุบันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของเทคโนโลยี VR คือ เรื่องของอารมณ์ร่วม เนื่องจากผู้ที่จะมีอารมณ์ร่วมไปกับภาพที่เห็นมีเพียงแค่ผู้ที่สวมกล้องเท่านั้น ไม่ใช่คนหมู่มากเหมือนการโฆษณาแบบทั่วไป ซึ่งอาจเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เสียโอกาสในการสร้างประสบการณ์ร่วมได้ นอกจากนี้ ตัวกล้องและคอนเทนต์ของโฆษณาเองก็ยังเป็นอุปสรรคต่อการผลักดันให้เทคโนโลยี VR ได้รับความนิยมในวงกว้าง เนื่องจากตัวกล้องในปัจจุบันยังมีขนาดที่ใหญ่เทอะทะและมีราคาสูง รวมถึงประเทศไทยยังขาดผู้เชี่ยวชาญในสายงานนี้ แต่ในอนาคต เทคโนโลยี VR จะได้รับการพัฒนาและขยายตัวในวงกว้างอย่างแน่นอน

  • Artificial Intelligence ผู้ขับเคลื่อนเทคโนโลยีแห่งโลกยุคดิจิทัล

คุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ ผู้ร่วมก่อตั้ง thumbsup ระบุว่า เทคโนโลยี AI หรือ Artificial Intelligence จะเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนโลกยุคดิจิทัล เนื่องจากการใช้ AI นั้นเปรียบได้กับการใช้ “หุ่นยนต์" มาช่วยทุ่นแรงมนุษย์ สำหรับเทรนด์ในปี 2560 นั้น คือ การนำ AI มาใช้ในรูปแบบของ chat bot เพื่อช่วยตอบคำถามหรือให้ข้อมูลกับผู้บริโภค โดย chat bot ได้รับความนิยมหลังจากที่ Mark Zuckerberg ได้เข้ามาลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีนี้ผ่านทางแอปพลิเคชั่นแชทของเฟซบุ๊กอย่าง Messenger สำหรับตัวอย่างของบริษัทที่ใช้เทคโนโลยี chat bot ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ CNN (http://m.me/cnn) โดย CNN ได้พัฒนาให้ chat bot สามารถเลือกส่งข่าวที่ตรงตามความสนใจของผู้บริโภคได้อย่างถูกต้อง

กระบวนการในการทำ Chat bot มี 4 ขั้นตอนด้วยกัน ประกอบด้วย

1. Interact - บุคคลเริ่มทำการสื่อสารกันผ่านทางช่องทางต่างๆ

2. Interpret - โปรแกรมจะทำการวิเคราะห์ประโยคหรือคำตามบริบททางภาษา

3. Integret - ระบบจะดึงข้อมูลเพื่อตอบคำถามตามจุดประสงค์ของผู้บริโภค

4. Engage - ขั้นตอนในการตอบกลับ ไม่ว่าจะเป็น bot ตอบเองหรือโอนไปยังเจ้าหน้าที่

สำหรับความวิตกกังวลในแง่ที่ว่า สุดท้ายแล้ว AI จะเข้ามาแย่งงานมนุษย์หรือไม่ คุณอรนุชให้ความเห็นว่า ตัว Bot นั้นไม่ได้เข้ามาแย่งงานมนุษย์ แต่จะมาเป็นผู้ช่วยแบ่งเบาในกรณีที่ต้องมีการตอบคำถามลูกค้าเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ Bot ยังสามารถช่วยเก็บข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้เราสามารถวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายและความสนใจของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะส่งผลให้การตอบสนองลูกค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

  • Smart Machines และ Smart systems

คุณรัสรินทร์ อรุณอิทธิวิทย์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Brand Buffet กล่าวว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ เทคโนโลยีดิจิทัลจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของภาคธุรกิจ เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดแรงงานคนลง การเชื่อมต่อธุรกิจต่างๆเข้าถึงกัน การเกิดขึ้นของเทรนด์ Start up รวมถึงการเกิดขึ้นของ 2 ระบบใหญ่อย่าง Smart Machines และ Smart systems

สำหรับ Smart Machines นั้น จะเป็นเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยและสามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง อาทิ อุปกรณ์ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า Smart ต่างๆ อย่าง สมาร์ทโฟน สมาร์ททีวี หรือโปรแกรม personal assistant อย่าง Siri ก็จัดเป็นอีกหนึ่ง Smart Machine ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ การใช้ Smart Machines ยังรวมถึงการใช้เทคโนโลยี AI อย่าง chat bot เข้ามาช่วยในงาน ยกตัวอย่างเช่นบริษัท Burger King ที่ใช้ chat bot สำหรับรับสั่งอาหารผ่านการแชทในเฟซบุ๊ก พร้อมเจาะโลเคชั่นของผู้สั่งได้ในทันที

นอกจากนี้ AI จะเริ่มมีการพัฒนามากขึ้น โดย AI จะเริ่มเรียนรู้รูปแบบการทำงานของมนุษย์ ไม่ใช่แค่การทำงานตามคำสั่งแบบเดิมๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการแข่งขันโกะ ที่ AI คว้าชัยชนะเหนือมนุษย์ หรือในประเทศญี่ปุ่นที่ AI สามารถแต่งเรื่องสั้นได้ดีจนเกือบคว้ารางวัลชนะเลิศได้สำเร็จ

ในส่วนของ Smart systems นั้น จะเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ สำหรับงานที่ต้องใช้การควบคุมเครื่องจักร ที่มีความแม่นยำและต้องการความปลอดภัยสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น Volvo ที่ออกมาประกาศว่าภายในปี 2563 จะไม่มีการเสียชีวิตหรืออุบัติเหตุร้ายแรงจากการขับรถของ Volvo เนื่องจากจะมีการใช้ระบบ Smart systems อย่าง Self-driving ซึ่งจะสร้างมาตราฐานความปลอดภัยรูปแบบใหม่ให้กับผู้ขับขี่ หรือแท็กซี่ในสิงคโปร์ที่ประกาศตัวใช้ระบบไร้คนขับในปี 2561


แท็ก marketing  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ