ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) รายงานว่า สหรัฐฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มากกว่า 200 ล้านโดสแล้วเมื่อนับถึงวันพุธที่ 21 เม.ย.
นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศว่า สหรัฐบรรลุเป้าหมายฉีดวัคซีนครบ 200 ล้านโดสก่อนกำหนดที่วางไว้ช่วงปลายเดือนนี้ และสหรัฐกำลังเข้าสู่ระยะต่อไปของการฉีดวัคซีน ซึ่งจะเปลี่ยนเป้าหมายจากกลุ่มเสี่ยงเป็นประชาชนทั่วไป
"ขณะนี้เราพร้อมเข้าสู่ระยะใหม่ของโครงการฉีดวัคซีนครั้งประวัติศาสตร์แล้ว" นายไบเดนกล่าว "ถึงเวลาที่ประชาชนทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปจะได้ฉีดวัคซีน"
ข้อมูล ณ วันพุธ ระบุว่า สหรัฐฉีดวัคซีนไปแล้วราว 215 ล้านโดส โดยมีการจัดสรรวัคซีนออกไปทั่วประเทศรวมกว่า 277 ล้านโดส
ปัจจุบันมีผู้ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วราว 87 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 26.4% ของประชากรทั้งหมด ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดสอยู่ที่ราว 134 ล้านคน คิดเป็น 40.5% ของประชากร โดยในจำนวนผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เป็นผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไปจำนวน 35 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 65.6% ของผู้ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สหรัฐได้ยกระดับการฉีดวัคซีนมาตั้งแต่เดือนธ.ค. 2563 โดยมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) สำหรับการใช้งานฉุกเฉินทั้งหมด 3 ตัว ได้แก่ วัคซีนของไฟเซอร์ วัคซีนของโมเดอร์นา และวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐระงับการใช้วัคซีนของจอห์นสันฯ เป็นการชั่วคราว หลังจากพบลิ่มเลือดอุดตันในสมองร่วมกับการมีเกล็ดเลือดต่ำในสตรี 6 ราย