กฎกระทรวง ฉบับที่ 232 (พ.ศ.2544) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร

ข่าวกฏหมายและประกาศ Thursday September 13, 2001 08:47 —ประมวลรัษฎากร

                                                กฎกระทรวง
ฉบับที่ 232 (พ.ศ.2544)
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
__________________________
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม
ประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ.2513 และมาตรา 42 (17) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2496 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกกฎกระทรวง
ไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (ค) ของข้อ 2 (52) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ.2509) ออกตาม
ความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 226 (พ.ศ.2543) ออกตาม
ความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
"(ค) นิติบุคคลเฉพาะกิจซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยนิติบุคคลเฉพาะกิจ
เพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่นิติบุคคลเฉพาะกิจดังกล่าวเข้ารับช่วงสิทธิเป็นเจ้าหนี้เงินกู้แทนกองทุน
รวมตาม (ก) หรือ (ข) ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น บริษัทประกันชีวิต สหกรณ์ หรือนายจ้าง"
ข้อ 2 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2544 เป็นต้นไป
ให้ไว้ ณ วันที่ 13 กันยายน พ.ศ.2544
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
หมายเหตุ: เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่ข้อ 2 (52) (ก) และ (ข) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126
(พ.ศ.2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 226
(พ.ศ.2543) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ได้กำหนดให้เงินได้เท่าจำนวนที่ได้จ่ายเป็นดอกเบี้ย
เงินกู้ยืมสำหรับการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อ เช่าซื้อหรือสร้างอาคารที่อยู่อาศัย โดยจำนองอาคารที่ซื้อหรือสร้างเป็นประกันการกู้ยืม เฉพาะ
ที่จ่ายให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน และกองทุนรวมเพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน
เป็นเงินได้พึงประเมินที่ไม่ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาท กรณีหนึ่ง และโดยที่
มาตรา 47 (1)(ซ) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 (53) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ.2509) ออกตามความใน
ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 226 (พ.ศ.2543) ออกตามความใน
ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ได้กำหนดการหักลดหย่อนและยกเว้นเงินได้ สำหรับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่ผู้มีเงินได้ จ่าย
ให้แก่ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น บริษัทประกันชีวิต สหกรณ์ หรือนายจ้างสำหรับการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคาร
ที่อยู่อาศัยโดยจำนองอาคารที่ซื้อหรือสร้างเป็นประกันการกู้ยืมนั้นเท่ากับจำนวนที่จ่ายจริง แต่ทั้งหมดเมื่อรวมแล้วต้องไม่เกิน
50,000 บาท อีกกรณีหนึ่ง ต่อมานิติบุคคลเฉพาะกิจซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วย
นิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัยพ์เป็นหลักทรัพย์ได้เข้ารับช่วงสิทธิเป็นเจ้าหนี้เงินกู้แทนกองทุนรวม ธนาคาร หรือสถาบัน
การเงินอื่น บริษัทประกันชีวิต สหกรณ์ หรือนายจ้างตามกรณีดังกล่าวข้างต้น โดยลูกหนี้จะต้องผ่อนชำระให้แก่นิติบุคคลเฉพาะกิจ
ต่อไป แต่เนื่องจากลูกหนี้ไม่อาจนำดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่จ่ายให้แก่นิติบุคคลเฉพาะกิจดังกล่าวไปหักลดหย่อนหรือได้รับยกเว้นไม่ต้อง
รวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร ดังนั้น เพื่อให้ผู้มีเงินได้ยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเช่นเดิมสมควร
กำหนดให้เงินได้เท่าจำนวนที่จ่ายเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ยืมให้แก่นิติบุคคลเฉพาะกิจดังกล่าว เป็นเงินได้พึงประเมินที่ไม่ต้องนำมา
คำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ