พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 458) พ.ศ.2549 ____________________ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ.2549 เป็นปีที่ 61 ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้สนับสนุนการกีฬาตามโครงการตามยุทธศาสตร์สี่ปีสร้างกีฬาชาติ (พ.ศ.2548-2551) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 3 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2496 อันเป็นกฎหายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 35 และมาตรา 48 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญ้ติให้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 458) พ.ศ.2549" มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา 3 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 2 และส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่ผู้สนับสนุนการกีฬาตามโครงการตามยุทธศาสตร์สี่ปีสร้างกีฬาชาติ (พ.ศ.2548-2551) แก่กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติที่จัดขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2542 ดังต่อไปนี้ (1) สำหรับบุคคลธรรมดา ให้ยกเวนภาษีเงินได้สำหรับเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนตามมาตรา 47 (1) (2) (3) (4) (5) หรือ (6) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นจำนวนหนึ่งจุดห้าเท่าของรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการกีฬาตามโครงการตามยุทธศาสตร์สี่ปีสร้างกีฬาชาติ (พ.ศ.2548-2551) แต่ต้องไม่เกินร้อยละยี่สิบของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนดังกล่าว ทั้งนี้ สำหรับเงินได้พึงประเมินที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ถึง พ.ศ.2551 (2) สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่ากับจำนวนเงินหรือมูลค่าของทรัพย์สินเป็นจำนวนหนึ่งจุดห้าเท่าของรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่าย เพื่อสนับสนุนการกีฬาตามโครงการตามยุทธศาสตร์สี่ปีสร้างกีฬาชาติ (พ.ศ.2548-2551) แต่ต้องไม่เกินร้อยละยี่สิบของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬาตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับเงินได้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ถึง พ.ศ.2551 ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด ค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการกีฬาตามวรรคหนึ่ง ต้องเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการ ดังต่อไปนี้ (1) จัดหาอุปกรณ์กีฬาสำหรับการฝึกซ้อมหรือการแข่งขันกีฬา (2) ส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนานักกีฬาและบุคลากรด้านกีฬา มาตรา 4 ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 2 และส่วน 3 หมวด 3 และภาษีมูลค่าเพิ่มตามหมวด 4 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้าหรือการให้บริการอันเนื่องมาจากการดำเนินการสนับสนุนการกีฬาตามโครงการตามยุทธศาสตร์สี่ปีสร้างกีฬาชาติ (พ.ศ.2548-2551) โดยผู้โอนต้องไม่นำมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินหรือสินค้าซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีดังกล่าวมาหักเป็นค่าใช้จ่ายหรือรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด มาตรา 5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการเล่นกีฬา เพื่อยกระดับมาตรฐานการกีฬาและเสริมสร้างสุขภาพอนามัยของประชาชน โดยกำหนดยุทธศาสตร์สี่ปีสร้างกีฬาชาติ (พ.ศ.2548-2551) ขึ้น ดังนั้น เพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการกีฬามากขึ้น สมควรยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้สนับสนุนการกีฬาตามโครงการตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้