(คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ) คำแถลงข่าวร่วมระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

ข่าวต่างประเทศ Monday November 19, 2012 11:29 —กระทรวงการต่างประเทศ

๑. วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้พบหารือกัน ณ ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสที่ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สหรัฐฯ จะครบรอบ ๑๘๐ ปี เพื่อกำหนดทิศทางสำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน และเพิ่มพูนความร่วมมือระดับภูมิภาคในอนาคต

๒. ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้แสดงความปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับโปรดเกล้าให้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในโอกาสดังกล่าวได้ถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ยืนยันการสนับสนุนที่ยาวนานของสหรัฐฯ ต่อประชาธิปไตยในประเทศไทย และยินดีต่อความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาของไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ย้ำด้วยว่า ไทยเป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญาที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย ผู้นำประเทศทั้งสองเห็นพ้องร่วมกันว่า ความเป็นพันธมิตรนี้มีรากฐานมาจากความมุ่งมั่นร่วมกันในเรื่องประชาธิปไตย การดำเนินการตามกฎหมาย สิทธิมนุษยชนที่เป็นสากล การเป็นสังคมเปิด และการค้าเสรี ซึ่งได้ช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของสองประเทศให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น นายกรัฐมนตรีกล่าวเสริมว่า ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและสหรัฐฯ ที่ยาวนานถึง ๑๘๐ ปี จากการลงนามในสนธิสัญญาไมตรีและการค้าในปี ๒๓๗๖ เป็นหุ้นส่วนที่ไม่เพียงแต่ยืนหยัดตามกาลเวลาและส่งผลประโยชน์แก่ทั้งสองประเทศ แต่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความมีเสถียรภาพ ความเจริญมั่งคั่งและการสร้างงานทั้งระหว่างหุ้นส่วนทั้งสองและกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยรวมด้วย

๓. ผู้นำประเทศทั้งสองยินดีที่มีการเจรจาหารือในระดับสูงระหว่างไทยและสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องและครอบคลุมมิติที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงการหารือทางยุทธศาสตร์ไทย-สหรัฐฯ ครั้งที่ ๔ ในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ การเดินทางเยือนสหรัฐฯ ของนายกรัฐมนตรีในเดือนกันยายน ๒๕๕๕ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสามัญสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ครั้งที่ ๖๗ การประชุมหารือยุทธศาสตร์ความมั่นคงไทย-สหรัฐฯ ครั้งที่ ๒ ในเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ และการเยือนประเทศไทยของนาย Leon Panetta รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

๔. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันว่า การเจรจาหารือในระดับสูงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้การดำรงความเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทย-สหรัฐฯ ในมิติต่าง ๆ ประสบความสำเร็จ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความลึกซึ้งและความหลากหลายของความร่วมมือระหว่างกันในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านการเมือง ความมั่นคง

ด้านเศรษฐกิจ ด้านวิชาการ ด้านสังคมและวัฒนธรรม ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการพัฒนา ผู้นำทั้งสองได้ย้ำเน้นว่าการหารือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างไทย-สหรัฐฯ เป็นกรอบการหารือที่สำคัญที่ช่วยกำหนดประเด็นภายใต้ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ และยินดีต่อผลการประชุมหารือยุทธศาสตร์ความมั่นคงไทย-สหรัฐฯ ครั้งที่ ๒ ซึ่งช่วยตอกย้ำว่าความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างไทย-สหรัฐฯ ช่วยเสริมความร่วมมือระหว่างกันที่มีอยู่แล้วในด้านการเมือง และการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม ในการนี้ ผู้นำทั้งสองยังเห็นพ้องด้วยว่า การเจรจาหารือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหมของไทยและสหรัฐฯ จะเป็นเวทีที่ช่วยเพิ่มพูนความเป็นหุ้นส่วนระหว่างประเทศทั้งสอง

๕. ผู้นำทั้งสองได้เน้นถึงโครงการหุ้นส่วนเชิงสร้างสรรค์ไทย-สหรัฐฯ ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างมหาวิทยาลัย ธุรกิจต่าง ๆ และนวัตกรรมสาขาอื่น ๆ ในประเทศทั้งสองว่า เป็นตัวอย่างสำคัญของความร่วมมือที่มองไปข้างหน้าของทั้งสองชาติ และเป็นเวทีที่จะขยายความร่วมมือไปสู่สาขาใหม่ ๆ นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่าไทยยินดีส่งเสริมและสนับสนุนการแลกเปลี่ยนทางการศึกษาและการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนของทั้งสองอย่างต่อเนื่อง ผ่านช่องทางต่าง ๆ อาทิ โครงการทุนการศึกษาฟูลไบรท์และหน่วยสันติภาพสหรัฐอเมริกาประเทศไทยซึ่งฉลองการดำเนินงานในประเทศไทยครบรอบ ๕๐ ปี ในปีนี้

๖. ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องร่วมกันว่า การฉลองครบรอบ ๑๘๐ ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปีหน้าจะเป็นโอกาสอันดีที่จะยกระดับความเป็นหุ้นส่วนไทย-สหรัฐฯ ให้เป็นไปตามศักยภาพทางยุทธศาสตร์อย่างแท้จริง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความชื่นชมในความพยายามของไทยในการส่งเสริมสันติภาพและสร้างความเจริญมั่งคั่งในภูมิภาค โดยผ่านโครงการพัฒนาต่างๆ ในภูมิภาค ในขณะที่นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาค ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบว่าการเกี่ยวพันอย่างรอบด้านและในมิติที่หลากหลายของสหรัฐฯ กับภูมิภาค จะช่วยส่งเสริมสันติภาพ ความเจริญมั่งคั่ง การพัฒนาอย่างยั่งยืน และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนต่อประชาชน

๗. ในด้านความร่วมมือด้านกลาโหม ทั้งสองฝ่ายยินดีกับความสำเร็จที่เกิดจากการฝึกโคบร้าโกลด์ประจำปีซึ่งขณะนี้มีประเทศที่เข้าร่วมและประเทศที่สังเกตการณ์รวม ๒๗ ประเทศ การปฏิบัติการรักษาสันติภาพระหว่างประเทศของไทยในดาร์ฟู และการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยต่อต้านโจรสลัดของไทยในอ่าวเอเดน ประธานาธิบดีโอบามายินดีต่อการเป็นเจ้าภาพร่วมของไทยกับสาธารณรัฐเกาหลีในการฝึกซ้อมเตรียมรับภัยพิบัติภายใต้การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในปี ๒๕๕๖

๘. นายกรัฐมนตรียินดีต่อนโยบายของสหรัฐฯ ที่จะเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนกับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น และการสนับสนุนของสหรัฐฯ ต่อความเป็นศูนย์กลางของอาเซียนใน บูรณาการและการพัฒนาของภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ ในการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ และการประชุมสุดยอดภูมิภาคเอเชียตะวันออก ประธานาธิบดีโอบามาได้กล่าวถึงความสำคัญของการประชุมสุดยอดภูมิภาคเอเชียตะวันออกที่เพิ่มขึ้นในการเป็นเวทีระดับภูมิภาคของผู้นำในเอเชียแปซิฟิกที่จะหารือประเด็นทางการเมืองและยุทธศาสตร์ ผู้นำทั้งสองได้ยืนยันความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในภูมิภาครวมถึงเวทีพหุภาคีอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาค และการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค)

๙. ผู้นำทั้งสองตระหนักถึงความความสำคัญของการสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาคบนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน และการแก้ข้อพิพาทอย่างสันติและเป็นไปตามหลักสากลของกฎหมายระหว่างประเทศ ผู้นำทั้งสองรับทราบถึงความคืบหน้าในการเจรจาที่จะนำไปสู่แนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ภายใต้การเป็นประเทศผู้ประสานงานของไทยในกรอบอาเซียน-จีน นายกรัฐมนตรีชื่นชมบทบาทที่สำคัญของสหรัฐฯ ในเรื่องข้อริเริ่มลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง ในขณะที่ประธานาธิบดีย้ำถึงการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของสหรัฐฯ ต่อการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และเน้นย้ำการส่งเสริมบทบาทสตรีในฐานะเสาหลักหนึ่งของ ข้อริเริ่มลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง ผู้นำทั้งสองยินดีที่มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจความร่วมมือสามฝ่ายระหว่างองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ และสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของไทย เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค

๑๐. ผู้นำทั้งสองเห็นร่วมกันว่า จำเป็นต้องมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างไทยและสหรัฐฯ ในการเผชิญหน้าต่อความท้าทายใหม่ ๆ อาทิ ความมั่นคงทางนิวเคลียร์ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ การบรรเทาภัยพิบัติ การลักลอบค้าสัตว์ป่า ซึ่งกลายเป็นความห่วงกังวลของโลก ผู้นำทั้งสองยินดีกับผลการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยความมั่นคงทางนิวเคลียร์ที่กรุงโซล และให้คำมั่นว่าจะทำงานร่วมกันต่อไปในการจัดการกับภัยคุกคามจากนิวเคลียร์ รวมถึงการเข้าร่วมในความริเริ่มระดับโลกเพื่อการต่อต้านการก่อการร้ายที่ใช้นิวเคลียร์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ประธานาธิบดีโอบามาแสดงความยินดีที่ประเทศไทยประกาศรับรองหลักการสกัดกั้นของความริเริ่มด้านความมั่นคงเกี่ยวกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง

๑๑. ประธานาธิบดีโอบามาและนายกรัฐมนตรีเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างความพยายามร่วมกันในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติต่าง ๆ อาทิ การต่อต้านการค้ามนุษย์ การต่อต้านยาเสพติด ตลอดจนความพยายามที่จะรักษาความปลอดภัยตามพรมแดน ท่าอากาศยาน และท่าเรือ ประธานาธิบดีโอบามาและนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความเป็นหุ้นส่วนร่วมกันด้านสาธารณสุข และงานที่ดำเนินอยู่เพื่อพัฒนาวัคซีนสำหรับโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องและไข้เลือดออก รวมทั้งการป้องกันภัยจากโรคระบาดเช่น ไข้หวัดนก และการปราบปรามมาลาเรียที่ดื้อยาหลายชนิด ผู้นำทั้งสองยังเห็นพ้องกันว่า การเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทย-สหรัฐฯ จะเอื้อประโยชน์ให้ความร่วมมือระหว่างกันสามารถเอาชนะอุปสรรคและความท้าทายข้ามพรมแดนทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกได้

๑๒. ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตระหนักถึงบทบาทของไทยในการเป็นศูนย์กลางสำหรับการเชื่อมโยงอาเซียน และสนับสนุนบทบาทที่สำคัญของไทยในการสร้างประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผู้นำทั้งสองยินดีที่จะมีการประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบความตกลงการค้าและการลงทุน ซึ่งเป็นพื้นฐานของความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในความเป็นหุ้นส่วนนี้ ภายใต้บริบทนี้ ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องร่วมกันที่จะส่งเสริมการค้าการลงทุนในภูมิภาค การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างยั่งยืน โอกาสทางเศรษฐกิจของสตรี และความเชื่อมโยงระหว่างประชาชนกับประชาชนร่วมกัน ผ่านแผนงาน ๕ ปีของสหรัฐฯ และอาเซียน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยินดีต่อความสนใจของไทยในการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกซึ่งจะขึ้นอยู่กับการดำเนินการตามกระบวนการภายในที่จำเป็นของไทย ผู้นำทั้งสองยินดีที่จะมีการประชุมคณะมนตรีร่วมภายใต้กรอบความตกลงการค้าและการลงทุนระหว่างกันอีก ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การส่งเสริมการค้าและปรึกษาหารือเกี่ยวกับข้อผูกพันสำหรับการเข้าร่วมของไทยในความตกลงที่มีมาตรฐานสูงซึ่งรวมถึงความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก

๑๓. นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีโอบามา เห็นพ้องร่วมกันที่จะคงการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างไทยและสหรัฐฯ เพื่อดำรงไว้ซึ่งความต่อเนื่องและความคืบหน้าในความร่วมมือในมิติต่าง ๆ ระหว่างประเทศทั้งสองต่อไป

กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ