(๑) ประเด็นสถานการณ์การเมืองไทย ปลัดกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ได้ชี้แจงสถานการณ์การเมืองของไทยและการดำเนินการตาม Road map ๓ ขั้นตอนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้แก่ (ก) การปรองดอง (ข) การปฏิรูปประเทศ และ (ค) การเลือกตั้งภายในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาแสดงความเข้าใจในประเด็นดังกล่าวเป็นอย่างดี
(๒) ประเด็นความร่วมมือทวิภาคี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ได้หยิบยกประเด็นโครงการเชื่อมเส้นทางและสะพานรถไฟสายอรัญประเทศ-ปอยเปตขึ้นหารือ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะผลักดันการดำเนินโครงการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ทั้งนี้ ฝ่ายไทยรับจะเร่งรัดการดำเนินการเพื่อผลักดันการพัฒนาพื้นที่จุดผ่านแดนหนองเอี่ยน-สตึงบท ตามฝ่ายกัมพูชาเสนอ ส่วนประเด็นการลักลอบตัดไม้พะยูงในเขตชายแดน ไทย-กัมพูชา จะจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมถึงการประสานงานเพื่อจัดการลาดตระเวนพื้นที่โดยทางการของทั้งสองฝ่าย
(๓) ประเด็นแรงงานกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงความสำคัญของการคุ้มครองและดูแลสิทธิประโยชน์ของแรงงานต่างด้าวในประเทศไทยและความสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยจะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แรงงานกัมพูชากลับไปทำงานในไทยได้ ฝ่ายไทยได้จัดตั้งศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop service – OSS) ที่จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และจะตรวจสอบข้อกล่าวหาการละเมิดสิทธิแรงงานกัมพูชา ซึ่งรวมถึงกรณีการจับกุมแรงงานกัมพูชาจำนวน ๑๔ คน ในข้อหาถือวีซ่าปลอมเข้าประเทศไทยต่อไป
(๔) ประเด็นการปล่อยตัวนายวีระ สมความคิด ปลัดกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่าในระหว่างการเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้หยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นตามแนวทางของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยขอให้ฝ่ายกัมพูชาพิจารณาการอภัยโทษนายวีระ สมความคิด บนพื้นฐานด้านมนุษยธรรม และความสัมพันธ์อันดีของประเทศทั้งสอง ประกอบกับการที่นายวีระฯ ต้องโทษมาเป็นเวลานานถึง ๓ ปี ๖ เดือนแล้ว ทั้งนี้ ประเทศไทยไม่ประสงค์จะแทรกแซงกระบวนการทางกฎหมายภายในของกัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้แจ้งเรื่องการออกพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษนายวีระฯ เนื่องในโอกาสครบรอบ ๒ ปี การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศทราบ และปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งสื่อมวลชนทราบว่านายวีระฯ เดินทางกลับถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพพร้อมกับคณะของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคมนี้
ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเน้นย้ำว่า ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ประเทศไทยให้ความสำคัญและมีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยในครั้งนี้มีโอกาสที่เหมาะสมในการยกขึ้นหารือกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาตามแนวทางที่ได้รับจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ตอบสนองด้วยมิตรไมตรีอย่างดียิ่ง และนับว่าการเยือนครั้งนี้มีผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ
--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--