รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวถ้อยแถลงในการประชุม United Nations Security Council Open Debate on “Inclusive Development for the Maintenance of International Peace and Security” และปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวข้อง ณ นครนิวย

ข่าวต่างประเทศ Wednesday January 21, 2015 16:35 —กระทรวงการต่างประเทศ

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวถ้อยแถลงในการประชุม United Nations Security Council Open Debate on “Inclusive Development for the Maintenance of International Peace and Security” และปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวข้อง ณ นครนิวยอร์ก

เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าร่วมการประชุมพิเศษ United Nations Security Council Open Debate หัวข้อ “การพัฒนาที่ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมเพื่อนำไปสู่การธำรงสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ (Inclusive Development for the Maintenance of International Peace and Security)” ณ สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

การประชุมพิเศษดังกล่าวจัดขึ้นโดยสาธารณรัฐชิลี ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council - UNSC) ประจำเดือนมกราคม ๒๕๕๘ โดยนางมิเชล บาเชเลท ประธานาธิบดีชิลี เป็นประธานการประชุม โดยชิลีได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศต่างๆ ร่วมกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมดังกล่าว การประชุมพิเศษในครั้งนี้มีหัวข้อที่ตรงกับแนวคิดของไทยที่เห็นว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนมีความสำคัญต่อความมั่นคง โดยการเข้าร่วมการประชุมฯ เป็นโอกาสให้ไทยได้แสดงบทบาทและความแข็งขันด้านการต่างประเทศในเวทีระหว่างประเทศที่สำคัญ ซึ่งนับเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อไทยด้วย นอกจากนี้ ไทยอยู่ระหว่างการรณรงค์การสมัครเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ วาระปี ๒๕๖๐ – ๒๕๖๑ ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในช่วงกลางปี ๒๕๕๙

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุม โดยเห็นว่าคณะมนตรีความมั่งคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งมีภารกิจในการรักษาสันติภาพและแก้ไขความขัดแย้งที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ ควรส่งเสริมการพัฒนาไปควบคู่กัน เนื่องจากปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ความไม่เท่าเทียมกัน และการเลือกปฏิบัติ ก่อให้เกิดลัทธิหัวรุนแรงซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้ง ดังนั้น การพัฒนาที่ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์ จะเสริมสร้างสังคมที่เข้มแข็งและมีความเท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นการป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่ต้นเหตุ

ในการนี้ ไทยเสนอให้คณะมนตรีความมั่นคงฯ ให้ความสำคัญกับมิติความมั่นคงของมนุษย์และความมั่นคงในรูปแบบใหม่มากขึ้น โดยควรให้ความสำคัญกับการพัฒนา สันติภาพ ความมั่นคง และสิทธิมนุษยชน ไปอย่างควบคู่กัน นอกจากนี้ และการทำงานของคณะมนตรีความมั่นคงควรเปิดกว้างต่อทุกภาคส่วน โดยมีกลไกที่เปิดให้ประเทศที่มิใช่สมาชิกมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของคณะมนตรีความมั่นคงฯ และควรให้ความสำคัญกับบทบาทและการมีส่วนร่วมของสตรี โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาและการรักษาสันติภาพ โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ชื่นชมประธานาธิบดีชิลีที่ได้ผลักดันประเด็นการสนับสนุนบทบาทสตรีมาโดยตลอด และได้ริเริ่มโครงการที่น่าสนใจ เช่น โครงการ HeForShe ที่รณรงค์ให้ผู้ชายสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศและสิทธิสตรี

ภายหลังการประชุมพิเศษ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับนายเอราลโด มูนโญส วาเลนซุเอลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชิลี โดยทั้งสองฝ่ายประสงค์ที่จะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากขึ้น เพื่อเป็นตัวเชื่อมในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก (Pacific Alliance) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงในลาตินอเมริกา มีสมาชิกประกอบด้วย โคลอมเบีย เปรู ชิลี และเม็กซิโก โดยชิลีมองว่าไทยมีบทบาทสำคัญในอาเซียน ทั้งนี้ ชิลีรับที่จะเร่งผลักดันกระบวนการภายในในการให้ความตกลงการค้าเสรีไทย - ชิลี ที่ได้มีการลงนามไปแล้วให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับนายแซม กาฮามบา คูเตซา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐยูกันดา และประธานสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ สมัยที่ ๖๙ โดยไทยได้แสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานของประธานสมัชชาฯ ซึ่งมีวาระสำคัญในการผลักดันวิสัยทัศน์หลังปี ค.ศ. ๒๐๑๕ โดยก่อนหน้านี้ ไทยได้จัดการประชุมระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเสนอแนวคิดเกี่ยวกับเป้าหมายวิสัยทัศน์หลังปี ค.ศ. ๒๐๑๕ นอกจากนั้น ในด้านความสัมพันธ์ทวิภาคีกับยูกันดา ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยไทยให้ความสำคัญกับการเพิ่มความสัมพันธ์กับประเทศแอฟริกา ภายใต้กรอบนโยบาย Thai – African Initiative เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับแอฟริกาในฐานะหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจและการพัฒนา

เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๘ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ขอบคุณเลขาธิการสหประชาชาติที่ได้มีข้อความสารร่วมรำลึกถึงผู้เสียชีวิตและผู้สูญหาย ในโอกาสที่ไทยจัดพิธีรำลึกครบรอบ ๑๐ ปี เหตุการณ์สึนามิในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ใช้โอกาสนี้ในการชี้แจงเกี่ยวกับพัฒนาการทางการเมืองไทย ภายใต้แผน Roadmap โดยเฉพาะกระบวนการปฏิรูปและการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะนำไปสู่การจัดการเลือกตั้งทั่วไปโดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ยืนยันการมีบทบาทแข็งขันของไทยในการให้ความร่วมมือกับสหประชาชาติ โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการกำหนดวาระการพัฒนาหลังปี ค.ศ. ๒๐๑๕ ซึ่งไทยสนับสนุนและพร้อมร่วมมือกับเลขาธิการสหประชาชาติและประเทศสมาชิกในการจัดทำวาระการพัฒนาหลังปี ค.ศ. ๒๐๑๕ อย่างสร้างสรรค์ โดยไทยเห็นว่าวาระการพัฒนาหลังปี ค.ศ. ๒๐๑๕ ควรมีความสมดุลระหว่างมิติด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นการกำหนดแนวทางในการดำเนินการของสหประชาชาติต่อไปในอนาคต

--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ