กรณีข่าวเครือข่ายผู้นำองค์กรพุทธแสดงความห่วงกังวลกรณีวัดพระธรรมกายในการประชุมสมาคมชาวยุวพุทธศาสนิกชนทั่วโลก ครั้งที่ ๗๘ ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี

ข่าวต่างประเทศ Monday February 27, 2017 11:58 —กระทรวงการต่างประเทศ

ตามที่ปรากฏข่าวว่า ผู้นำองค์กรพุทธและเครือข่ายผู้นำองค์กรพุทธในประเทศต่าง ๆ ที่มาร่วมประชุมสมาคมชาวยุวพุทธศาสนิกชนทั่วโลก ครั้งที่ ๗๘ ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกการใช้มาตรา ๔๔ ต่อวัดพระธรรมกาย งดการควบคุมสื่อ และให้ปฏิบัติต่อพระภิกษุด้วยความเคารพ นั้น

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ได้ตรวจสอบแล้วได้รับทราบว่า สมาคมชาวยุวพุทธศาสนิกชนทั่วโลกกำลังร่วมการประชุมครั้งที่ ๗๘ ณ วัดฮงปอบ จังหวัดปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี จัดขึ้นโดยมูลนิธิ Paramita Foundation ของสาธารณรัฐเกาหลี ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นไม่พบว่ามีการหยิบยกประเด็นของวัดพระธรรมกายในการประชุมดังกล่าว ซึ่งสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล จะได้ติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

อนึ่ง ตามที่ในห้วงที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีองค์กรพุทธและเครือข่ายชาวพุทธในต่างประเทศได้มายื่นหนังสือแสดงความห่วงกังวลและเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้มาตรา ๔๔ ต่อวัดพระธรรมกาย นั้น กระทรวงการต่างประเทศได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยในต่างประเทศทั่วโลกชี้แจงทำความเข้าใจในกรณีดังกล่าวกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามแนวทาง ดังนี้

๑. การออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ เรื่อง มาตรการให้อำนาจกำหนดพื้นที่ควบคุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย มีผลบังคับใช้บริเวณวัดพระธรรมกายตลอดจนพื้นที่โดยรอบวัดพระธรรมกาย นั้น ได้ผ่านการพิจาณาอย่างรอบคอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณาจากข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎว่า มีบุคคลบางคนหรือบางกลุ่มซึ่งมีข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดและถูกออกหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ตลอดจนปรากฏในห้วงก่อนหน้านี้ว่า ความพยายามในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ถูกขัดขวางโดยมวลชนผู้สนับสนุนของวัดพระธรรมกาย ทั้งนี้ มูลเหตุของสถานการณ์นี้เป็นเรื่องของการละเมิดต่อกฎหมายบ้านเมืองเป็นสำคัญ

๒. คำสั่งดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ให้มีมาตรการที่เหมาะสมในการควบคุมพื้นที่ในบางพื้นที่ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายสามารถบูรณาการการปฏิบัติในการเข้าตรวจค้นและนำตัวบุคคลตามหมายจับดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม รวมทั้งปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ในพื้นที่ ทั้งนี้ มาตรการนี้เป็นมาตรการชั่วคราวและจะบังคับใช้เท่าที่จำเป็นต่อสถานการณ์

๓. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง รอบคอบและรัดกุม ตามขั้นตอนของกฎหมายและสอดคล้องกับหลักปฏิบัติสากล เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองต่อไป

--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ