เมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๑ กระทรวงการต่างประเทศได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ASEM Meeting on “Sustainable Marine Environment: Marine Debris” ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว กรุงเทพฯ โดยมีนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมฯ และนาง Isabelle Louis, Deputy Regional Director, UN Environment Regional Office for Asia and the Pacific นายวงศ์เทพ อรรถไกวัลวที รองเลขาธิการอาเซียนด้านประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งผู้แทนจากประเทศสมาชิกการประชุมเอเชีย - ยุโรป (Asia Europe Meeting – ASEM) องค์การระหว่างประเทศ ภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิจัย สถาบันการศึกษา ภาคประชาสังคม และเยาวชน รวมกว่า ๑๘๐ คน เข้าร่วมการประชุมฯ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวถึงการจัดประชุมในครั้งนี้ว่า เป็นการต่อยอดจากการประชุม ASEM Symposium on Inter-Regional Partnership for Sustainable Development ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๕ - ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงเทพฯ และย้ำถึงท่าทีและบทบาทของประเทศไทยที่ได้ให้ความสำคัญกับการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะเป้าหมายที่ ๑๔ ว่าด้วย การใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรและทรัพยากรทางทะเล โดยที่ผ่านมา ประเทศไทยได้พยายามแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายและการปฏิรูปอุตสาหกรรมประมงทั้งระบบ ตลอดจนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ซึ่งรวมถึงการรับมือกับปัญหาขยะทะเลมาอย่างต่อเนื่อง และโดยที่ปัญหาขยะทะเลเป็นปัญหาข้ามพรมแดน และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องส่งเสริมหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งเอเชียกับยุโรปสามารถร่วมมือกันหามาตรการระดับโลกเพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างยั่งยืนได้ ทั้งนี้ ในฐานะที่ประเทศไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปี ๒๕๖๒ ไทยจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการใช้ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนและส่งเสริมการแก้ไขปัญหาขยะทะเลด้วย
ระหว่างการประชุมฯ ผู้เข้าร่วมจากภาคส่วนต่าง ๆ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมองต่อผลกระทบของปัญหาขยะทะเล โดยเฉพาะขยะพลาสติกและไมโครพลาสติกที่มีต่อสิ่งแวดล้อม โดยเห็นพ้องว่า การแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกหน่วยงานและผู้คนทั่วโลกในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิต การบริโภค และการผลิต พร้อมทั้งย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องเสริมสร้างความตระหนักรู้แก่ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และภาคอุตสาหกรรม เกี่ยวกับผลกระทบของขยะทะเล รวมถึงการพัฒนาระบบการจัดการขยะ การใช้วัสดุทดแทนพลาสติก การส่งเสริมให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยี และการจัดทำกรอบกฎหมายที่ให้ความสำคัญกับการจัดการมลพิษและของเสียในพื้นที่ต่าง ๆ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเน้นย้ำความสำคัญของการดำเนินการร่วมกันและประสานงานกันระหว่างประเทศสมาชิก ASEM และการส่งเสริมบทบาทของ ASEM ในการเป็นเวทีสำหรับการหารือของหุ้นส่วนต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาขยะทะเลและขยะพลาสติก
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในการบริหารจัดการขยะทะเลจากประเทศสมาชิก ASEM เพื่อนำมาใช้ในการจัดทำ “ข้อเสนอแนะแผนดำเนินการเพื่อลดขยะทะเลในเอเชียและยุโรป” ซึ่งประกอบด้วย (๑) แนวทางการส่งเสริมความเข้มแข็งด้านนโยบายเพื่อลดปัญหาขยะทะเล (๒) แนวทางการจัดทำมาตรการป้องกัน การลดการใช้และการจัดการขยะพลาสติก และ (๓) การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาขยะทะเล ซึ่งประเทศไทยจะรายงานต่อที่ประชุมผู้นำเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ ๑๒ ในเดือนตุลาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงบรัสเซลส์ต่อไป
ในโอกาสเดียวกันนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ UN Environment บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กลุ่มทะเลจรและ Scrap Shop จัดนิทรรศการ “#INSEA – The Day the Ocean Is Without Plastic!” ณ ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว ระหว่างวันที่ ๓ – ๔ สิงหาคม ๒๕๖๑ โดยเป็นการนำเสนอนวัตกรรม เทคโนโลยี และความริเริ่มสร้างสรรค์ในการจัดการกับปัญหาขยะทะเล เพื่อรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ถึงความรุนแรงของปัญหานี้ ตลอดจนสร้างแรงบันดาลใจในการคิดเชิงนวัตกรรมเพื่อรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ในปัจจุบันแก่สาธารณชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเยาวชนด้วย
ที่มา: กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ