กรุงเทพ--10 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2551 นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับการพัฒนาร่วมระหว่างไทยและกัมพูชาในพื้นที่ไหล่ทวีปบริเวณที่ประเทศทั้งสองอ้างสิทธิทับซ้อน ซึ่งมีพื้นที่ทับซ้อนประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร โดยที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือร่วมกันหลายครั้งแต่ไม่คืบหน้าเท่าที่ควร เป็นที่คาดว่าพื้นที่ทับซ้อนดังกล่าว น่าจะมีทรัพยากรธรรมชาติด้านพลังงานที่มีมูลค่าจำนวนมหาศาล ดังนั้น เมื่อความร่วมมือระหว่างสองประเทศในเรื่องนี้บรรลุผลสำเร็จก็จะทำให้เกิดความ “เจิดจ้าจรัสไกลไทย-กัมพูชา”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีของไทยและกัมพูชาได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยกับรองนายกรัฐมนตรีสก อาน ของกัมพูชาเร่งเจรจากันในเรื่องดังกล่าวเพื่อหาข้อยุติในการจัดตั้งพื้นที่พัฒนาร่วม (Joint Development Area: JDA) ซึ่งหากสามารถเจรจาสำเร็จก็จะทำให้ไทยมีความมั่นคงด้านพลังงาน มีแหล่งพลังงานมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี จึงคาดว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะสามารถตกลงกันได้ในเรื่องพื้นที่ที่ทับซ้อนและการแบ่งผลประโยชน์จากการพัฒนาร่วมกันดังกล่าวโดยเร็ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า กระทรวงการต่างประเทศจะร่วมกับกระทรวงพลังงานเริ่มการเจรจาในเรื่องดังกล่าวกับฝ่ายกัมพูชาโดยเร็ว และคาดว่าบรรยากาศในการเจรจาจะเป็นไปด้วยดี ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวถือเป็นวาระสำคัญของไทย ซึ่งหากทั้งสองประเทศประสบความสำเร็จในการเจรจา ก็ถือเป็นตัวอย่างสำคัญของความร่วมมือกันอย่างฉันมิตร ดังเช่น กรณีที่ประเทศไทยกับเวียดนามที่สามารถตกลงกันได้ในการแบ่งเขตทางทะเล
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2551 นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับการพัฒนาร่วมระหว่างไทยและกัมพูชาในพื้นที่ไหล่ทวีปบริเวณที่ประเทศทั้งสองอ้างสิทธิทับซ้อน ซึ่งมีพื้นที่ทับซ้อนประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร โดยที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือร่วมกันหลายครั้งแต่ไม่คืบหน้าเท่าที่ควร เป็นที่คาดว่าพื้นที่ทับซ้อนดังกล่าว น่าจะมีทรัพยากรธรรมชาติด้านพลังงานที่มีมูลค่าจำนวนมหาศาล ดังนั้น เมื่อความร่วมมือระหว่างสองประเทศในเรื่องนี้บรรลุผลสำเร็จก็จะทำให้เกิดความ “เจิดจ้าจรัสไกลไทย-กัมพูชา”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีของไทยและกัมพูชาได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยกับรองนายกรัฐมนตรีสก อาน ของกัมพูชาเร่งเจรจากันในเรื่องดังกล่าวเพื่อหาข้อยุติในการจัดตั้งพื้นที่พัฒนาร่วม (Joint Development Area: JDA) ซึ่งหากสามารถเจรจาสำเร็จก็จะทำให้ไทยมีความมั่นคงด้านพลังงาน มีแหล่งพลังงานมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี จึงคาดว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะสามารถตกลงกันได้ในเรื่องพื้นที่ที่ทับซ้อนและการแบ่งผลประโยชน์จากการพัฒนาร่วมกันดังกล่าวโดยเร็ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า กระทรวงการต่างประเทศจะร่วมกับกระทรวงพลังงานเริ่มการเจรจาในเรื่องดังกล่าวกับฝ่ายกัมพูชาโดยเร็ว และคาดว่าบรรยากาศในการเจรจาจะเป็นไปด้วยดี ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวถือเป็นวาระสำคัญของไทย ซึ่งหากทั้งสองประเทศประสบความสำเร็จในการเจรจา ก็ถือเป็นตัวอย่างสำคัญของความร่วมมือกันอย่างฉันมิตร ดังเช่น กรณีที่ประเทศไทยกับเวียดนามที่สามารถตกลงกันได้ในการแบ่งเขตทางทะเล
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : [email protected]จบ--
-พห-