การประชุม Political Consultations ไทย-สิงคโปร์ ครั้งที่ ๑

ข่าวต่างประเทศ Monday August 31, 2020 15:44 —กระทรวงการต่างประเทศ

ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุม Political Consultations ไทย - สิงคโปร์ ร่วมกับปลัดกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ เพื่อหารือถึงการส่งเสริมความร่วมมือในระดับทวิภาคีและภูมิภาค อาทิ การค้าการลงทุน การเชื่อมต่อทางธุรกิจผ่านความร่วมมือช่องทางพิเศษ เศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สาธารณสุขและการพัฒนาวัคซีน

เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๓ นางบุษยา มาทแล็ง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศและนายชี วี เคียง (Mr. Chee Wee Kiong) ปลัดกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ ได้เป็นประธานร่วมในการประชุม Political Consultations ไทย-สิงคโปร์ ครั้งที่ ๑ ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล การประชุมดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองฝ่ายในการกระชับความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดและขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างกันให้คืบหน้ามากยิ่งขึ้น

ในโอกาสนี้ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศและปลัดกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ได้แลกเปลี่ยนมุมมองในการเสริมสร้างพลวัตของความสัมพันธ์ทวิภาคี รวมทั้งหารือแนวทางการขยายความร่วมมือเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์โควิด-๑๙ ในสาขาความร่วมมือที่สำคัญ ได้แก่ การค้าการลงทุน เศรษฐกิจดิจิทัล สาธารณสุข และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะผลักดันความร่วมมือระหว่างกันในยุคหลังโควิด-๑๙ โดยเฉพาะการรักษาความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน การอำนวยความสะดวกการเชื่อมต่อทางธุรกิจผ่านความร่วมมือช่องทางพิเศษ และการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างกันในด้านสาธารณสุขและการพัฒนาวัคซีน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้แสดงความขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือและการสนับสนุนซึ่งกันและกันในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ โดยเฉพาะการสนับสนุนเวชภัณฑ์และการอำนวยความสะดวกการอพยพคนชาติกลับประเทศ

ปลัดกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับพัฒนาการในภูมิภาคและพหุภาคี โดยได้เน้นย้ำความร่วมมือในการเสริมสร้างความเข้มแข็งและความเป็นแกนกลางของอาเซียน ตลอดจนร่วมกันเสริมสร้างความก้าวหน้าในภูมิภาคเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความจำเป็นในการเร่งรัดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการรวมตัวทางเศรษฐกิจผ่านกลไกทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค อาทิ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership - RCEP) ซึ่งคาดว่าจะสามารถลงนามได้ภายในปีนี้

ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ