วีดิทัศน์สารคดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขณะทรงศึกษาในเครือรัฐออสเตรเลีย และความสัมพันธ์ไทยและเครือรัฐออสเตรเลีย

ข่าวต่างประเทศ Monday March 1, 2021 14:33 —กระทรวงการต่างประเทศ

เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานในงานเผยแพร่วีดิทัศน์สารคดีขณะทรงศึกษาในเครือรัฐออสเตรเลียซึ่งจัดขึ้นโดยสถานเอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทย ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นับเป็นมหามงคลยิ่งสำหรับการดำเนิน ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ

ไทยกับเครือรัฐออสเตรเลียสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๔๙๕ โดยมีความสัมพันธ์ที่ดีที่ดำเนินมากว่า ๖๘ ปี ซึ่งได้รับการเสริมสร้างให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นจากการเสด็จพระราชดำเนินเยือนเครือรัฐออสเตรเลียของพระบรมวงศานุวงศ์ไทยในหลายโอกาสที่ผ่านมา โดยเริ่มตั้งแต่การเสด็จพระราชดำเนินเยือนเครือรัฐออสเตรเลียเมื่อปี ๒๕๐๕ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง ซึ่งทรงเป็นพระราชอาคันตุกะสองพระองค์แรกที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนเครือรัฐออสเตรเลีย นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (เมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร) ทรงเคยเสด็จพระราชดำเนินไปประทับในเครือรัฐออสเตรเลียระหว่างปี ๒๕๑๓-๒๕๑๙ โดยทรงเข้าศึกษาในระดับเตรียมทหารที่โรงเรียนคิงส์สกูล นครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ และในระดับวิทยาลัยการทหารชั้นสูง ที่ราชวิทยาลัยนายร้อยทหารบกดันทรูน ณ กรุงแคนเบอร์รา

ปัจจุบัน ไทยและเครือรัฐออสเตรเลียมีความร่วมมือที่ครอบคลุมหลากหลายมิติและเป็นรูปธรรม ทั้งในด้านการเมืองความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและระหว่างภาคประชาชน ทั้งสองประเทศเป็นคู่ค้าที่สำคัญของกันและกัน โดยได้จัดทำความตกลงการค้าเสรีเมื่อปี ๒๕๔๘ ส่งผลให้การค้าทวิภาคีขยายมูลค่า ๓ เท่าตัว และมีมูลค่ารวม ๑๓,๒๐๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี ๒๕๖๓ ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีความร่วมมือที่ดี ทั้งในกรอบอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง อาเซียน และในเวทีสหประชาชาติ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓

ไทยและเครือรัฐออสเตรเลียได้ประกาศยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบันให้ครอบคลุมและลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น โดยจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาความเจริญของทั้งสองประเทศ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคมหลังการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ตลอดจนจะช่วยส่งเสริมมิตรภาพระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศให้แนบแน่นยิ่งขึ้นต่อไป

ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ