รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศออสเตรเลียเสริมสร้างความร่วมมือไทย – ออสเตรเลีย ภายใต้ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์

ข่าวต่างประเทศ Monday August 1, 2022 16:12 —กระทรวงการต่างประเทศ

เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รนรม./รมว.กต. หารือทางโทรศัพท์กับนางสาวเพนนี หว่อง รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศออสเตรเลีย เพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง ภายใต้รัฐบาลชุดใหม่หลังได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๕

ทั้งสองฝ่ายแสดงความยินดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและออสเตรเลียมีพลวัตและแน่นแฟ้น โดยปีนี้เป็นปีครบรอบ ๗๐ ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน และได้หารือแนวทางการกระชับความสัมพันธ์และขับเคลื่อนความร่วมมือภายใต้ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ รวมถึงการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วม (Joint Plan of Action to Implement the Strategic Partnership ปี 2021 ? 2024) ที่มีแผนจะลงนามร่วมกันในปีนี้ เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือในการฟื้นฟูประเทศหลังโควิด-๑๙ โดยสอดคล้องกับนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว (BCG) และเป้าหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของทั้งสองประเทศ

ไทยได้แสดงความยินดีที่จะร่วมมือกับออสเตรเลียในด้านพลังงานทดแทน การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีที่ปล่อยมลพิษต่ำ รวมทั้งความร่วมมือด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะการผลักดันการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ระหว่างไทย-ออสเตรเลีย และพร้อมสนับสนุนบทบาทที่สร้างสรรค์ของออสเตรเลียในภูมิภาคและอนุภูมิภาค โดยเฉพาะภายใต้การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้านระหว่างอาเซียน-ออสเตรเลีย (ASEAN-Australia Comprehensive Strategic Partnership) และการเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา (Development Partner) ในกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี - เจ้าพระยา - แม่โขง (ACMECS)

ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนมุมมองและความเห็นต่อพัฒนาการในภูมิภาค รวมถึงสถานการณ์ในเมียนมาและแนวทางการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ในฐานะเจ้าภาพเอเปคปีนี้ รนรม./รมว.กต. ได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทยในการส่งเสริมความร่วมมือกับออสเตรเลียเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและครอบคลุม ภายใต้หัวข้อหลัก ?เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล? และหวังที่จะได้ต้อนรับ นรม. ออสเตรเลียในระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๕

ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ